ฮอกไกโดกำลังถูกไวรัสโคโรนาคุกคามอย่างหนักจนถึงประกาศภาวะฉุกเฉิน ขอให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่พลันที่มีคำประกาศนี้ บรรดาสาวๆ ทั้งในญี่ปุ่นและหลายประเทศกลับให้ความสนใจไปที่ผู้ว่าราชการหนุ่มหล่อที่ชื่อว่า “นาโอมิจิ ซูซิกิ”
นาโอมิจิ ซูซิกิ 鈴木 直道 อายุ 38 ปี เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่อายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่น เพิ่งได้รับตำแหน่งหมาดๆ เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว นอกจากถูกขนานนามว่า “ผู้ว่าฯ สุดหล่อ” แล้ว เขายังเป็นคนหนุ่มที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ คือเป็นทั้งผู้ชำนาญด้านการบริหารราชการ และยังเป็นนักกีฬาที่เคยร่วมแข่งขันในระดับประเทศด้วย
นาโอมิจิ ซูซิกิ เป็นชาวจังหวัดไซตามะ ชีวิตในวัยเด็กค่อนข้างรันทด ต้องอยู่กับแม่ที่หย่าร้างกับพ่อ เขาเรียนจนถึงระดับชั้นมัธยมก็ไม่สามารถเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ เพราะปัญหาทางการเงินของครอบครัว ต้องออกมาทำงานหาเลี้ยงตัว เมื่ออายุ 18 ปี เขาผ่านการสอบคัดเลือกเป็นข้าราชการของศาลาว่าการกรุงโตเกียว หลังทำงานได้ 1 ปี เขาจึงมีโอกาสศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโฮเซ และจบการศึกษาด้านนิติศาสตร์
ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย เขายังเป็นประธานชมรมมวย และเคยผ่านเข้าแข่งขันชกมวยระดับประเทศในปี 2002
งานที่สำนักงานกรุงโตเกียว เขาสังกัดสถาบันสาธารณสุข ดูแลงานด้านสุขภาพและสวัสดิการประชาชน เป็นข้าราชการธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
จุดเปลี่ยนในชีวิตของซูซูกิเกิดขึ้นเมื่อเขาถูกส่งตัวไปทำงานที่เมืองยูบาริ จังหวัดฮอกไกโด เมื่อปี 2008 เมืองยูบาริในขณะนั้นอยู่ในภาวะล้มละลาย ท้องถิ่นมีหนี้สินท่วมท้น ต้องของบประมาณจากรัฐบาลกลาง ต้องลดข้าราชการลงครึ่งหนึ่ง จนก็ต้องส่งข้าราชการจากกรุงโตเกียวไปช่วย
สถานการณ์ที่ยูบาริหนักหนากว่าที่ข้าราชการคนหนึ่งจะขับเคลื่อนได้ แต่เขากลับเป็นที่รักของชาวบ้านอย่างมาก วันที่ต้องกลับกรุงโตเกียว ชาวฮอกไกโดจำนวนมากรอคอยส่งเขาด้วยความอาลัย ความผูกพันที่มีกับฮอกไกโดทำให้เขาตัดสินใจครั้งสำคัญด้วยการลาออกจากราชการกรุงโตเกียว ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองยูบาริ โดยเป็นผู้สมัครอิสระ แต่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาล ซูซูกิได้รับเลือกตั้งด้วยอายุเพียง 30 ปี เป็นนายกเทศมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในญี่ปุ่น
กู้วิกฤตเมืองล้มละลาย ฟื้นเศรษฐกิจด้วยเมลอน
การได้เป็นนายกเทศมนตรีในเมืองที่ล้มละลายไม่งานที่น่าพิศมัย ยูบาริเคยเป็นเมืองที่ผลิตถ่านหิน เคยมีประชากรมากถึง 120,000 คน แต่เมื่อเหมืองถ่านหินหยุดการผลิต ทำให้ทั้งรายได้และประชากรของเมืองลดลงมหาศาล เหลือแต่คนชรา มีการประเมินว่าต้องใช้เวลานานถึง 18 ปี จึงจะชำระหนี้สินของทางการเมืองได้หมด
ซูซูกิทำงานอย่างหนักเพื่อลดค่าใช้จ่ายและร่างแผนฟื้นฟูเมือง โดยใช้ประโยชน์จากโรงเรียนและหอพักของพนักงานบริษัทถ่านหินที่ถูกทิ้งร้าง เปลี่ยนจากการพึ่งพาถ่านหินมาสู่การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน
เขายังคิดที่จะใช้ “เมลอนยูบาริ” ซึ่งมีรสหวานอร่อย และกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจ โดยโปรโมตเมลอนยูบาริจนกลายเป็นผลไม้เลื่องชื่อของญี่ปุ่น ซูซูกิยังโปรโมตในต่างประเทศ โดยนำเมลอน 50 ลูกไปมอบให้สมาชิกราชวงศ์และรัฐมนตรีต่างประเทศของกาตาร์ จนกาตาร์สั่งนำเข้าเมลอนยูบาริในปีต่อมา
แต่การเยือนกาตาร์ครั้งนั้น เขาต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ทั้งตั๋วเครื่องบินและที่พักสูงถึง 300,000 เยน ทั้งๆ ที่เงินเดือนของนายกเทศมนตรีเมืองยูบารินั้นน้อยนิดแค่ 260,000 เยน ถือว่าเป็นพ่อเมืองที่มีเงินเดือนน้อยที่สุดในญี่ปุ่น น้อยยิ่งกว่าของพนักงานบริษัทบางคนด้วยซ้ำ
ในช่วงที่เขาเป็นนายกเทศมนตรี 10 ปีหลังจากเมืองยูบาริล้มละลาย ทางการเมืองสามารถเคลียร์หนี้สินได้มากกว่า 1 ใน 3 ซูซูกิได้รับความไว้วางใจจากชาวเมืองให้เป็นนายกเทศมนตรี 2 สมัยซ้อน เขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์ฟื้นฟูเมืองแห่งนี้ในหนังสือที่ชื่อว่า “ไม่ทำก็เท่ากับศูนย์”
เดือนมกราคม 2019 นาโอมิจิ ซูซิกิ ตัดสินใจครั้งสำคัญอีกครั้ง โดยประกาศสมัครรับเลือกเป็นผู้ว่าการจังหวัดฮอกไกโด ในนามผู้สมัครอิสระ แต่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดิม เขาประสบความสำเร็จได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศ และยังเป็นครั้งแรกที่ผู้สมัครจากฝ่ายรัฐบาลเอาชนะได้ในฮอกไกโด สนามเลือกตั้งที่ฝ่ายค้านยึดครองมาตลอด
ชีวิตส่วนตัว (สาวๆ อาจต้องผิดหวัง) นาโอมิจิ ซูซิกิ นายกเทศมนตรีหนุ่มหล่อ สมรสแล้วกับ มานามิ ทามากิ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2011 ทั้งคู่คบหากันมานาน 6 ปี ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมานาน 9 ปี ฝ่าฝันความยากลำบากทั้งเรื่องการเรือนและการเมือง
ติดตามเรื่องราวความรักของทั้งคู่ได้ในตอนต่อไป...