เลือดกำเดาไหล คือการที่มีเลือดไหลออกจากรูจมูก อาจจะเพียงข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ พบได้ทุกช่วงวัย ทั้งเพศหญิงและชาย สาเหตุเกิดจากเส้นเลือดฝอยภายในโพรงจมูกแตก เพราะเส้นเลือดภายในโพรงจมูกนั้นตามปกติแล้วค่อนข้างเปราะบางและแตกได้ง่าย จึงไม่ใช่สัญญาณอันตรายของโรคร้ายแรงแค่อย่างใด ยกเว้นถ้ามีเลือดกำเดาไหลแบบผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของอาการป่วยรุนแรงหรือความผิดปกติภายใน กรณีนี้ควรไปพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
◇สาเหตุของเลือดกำเดา
*เกิดจากเส้นเลือดฝอยภายในจมูกแตก
*ปัจจัยที่อาจมีผลให้เส้นเลือดแตก เช่น การแคะจมูก , จามแรงๆ , สั่งน้ำมูกแรงเกินไป , หรือมีสิ่งกระแทกจมูกอย่างรุนแรง
*เกิดจากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง เช่นช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น หรืออากาศแห้งมากๆ
*เกิดจากการใช้ยาบางชนิดที่ทำให้โพรงจมูกแห้ง
*เกิดจากการแพ้สารเคมีบางชนิด หรือเป็นโรคภูมิแพ้
*เกิดจาดภาวะความดันโลหิตสูง และภาวะมีเลือดออกผิดปกติ
เป็นต้น
ตั้งแต่ช่วงวันวาเลนไทน์จนถึงช่วงไวท์เดย์คือระยะเวลาระหว่าง 14 กุมภาพันธ์- 14 มีนาคม เป็นช่วงที่ช็อคโกแลตขายดีมากๆ มีคนบอกว่าถ้ากินช็อคโกแลตมากเกินไป คุณจะเลือดกำเดาไหล? นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก่อนที่จะพูดเรื่องวิธีการที่ถูกต้องที่จะหยุดเลือดกำเดา เรามาดูพื้นฐานทางการแพทย์สำหรับทฤษฎีว่า ถ้าคุณกินช็อคโกแลตมากเกินไป คุณจะเลือดกำเดาไหลกันก่อน
●หากคุณกินช็อคโกแลตมากเกินไประดับน้ำตาลในเลือดอาจจะเพิ่มขึ้นและมีผลต่อความดันโลหิต มีข้อมูลที่ว่าหลอดเลือดฝอยในจมูกจะขาดและเป็นสาเหตุหนึ่งของเลือดกำเดา แต่มันก็ไม่น่าเป็นกับทุกคน โดยเฉพาะคนที่มีสุขภาพดีไม่เป็นโรคความดันโลหิต แม้ว่าพวกเขากินช็อคโกแลตมากเกินไป แม้ว่ามันจะมีผลต่อความดันโลหิต แต่ก็ไม่มีหลักฐานโดยตรงว่าเป็นสาเหตุของเลือดกำเดาแต่อย่างใด
●เมื่อพูดเรื่องคาเฟอีนในช็อคโกแลต ผลจากคาเฟอีนอาจจะทำให้เกิดความตื่นตัว แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของคาเฟอีน ซึ่งก็ไม่มีผลวิจัยว่าจะมีประสิทธิภาพมากพอที่จะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย นอกจากนี้ถ้าคุณเลือดกำเดาไหล เนื่องจากคาเฟอีนในช็อคโกแลต ก็หมายถึงถ้าคุณดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอื่นๆ เช่น กาแฟ ชา เขียวหรือชา นิดๆ หน่อยๆ ก็อาจทำให้เลือดกำเดาไหลได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
●ช็อคโกแลตมี tyramine ไทรามีน ซึ่งเป็นสารให้ความหวาน และหวานกว่าน้ำตาลปกติ 180-200 เท่า ถึงแม้จะไม่มีการรับรองอย่างเป็นทางการว่าเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะไมเกรน แต่ก็พบว่าในผู้ป่วยบางรายมีอาการปวดศีรษะหลังรับประทานสารตัวนี้ ที่เพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นหัวใจ ซึ่งอาจทำให้หลอดเลือดในจมูกและทำให้เกิดเลือดกำเดา กล่าวกันว่ามีทฤษฎีรองรับแต่อย่างไรก็ตามการวิจัยที่ตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่าง "tyramine" และเลือดกำเดาก็ยังไม่พบความสัมพันธ์ที่ชัดเจน
ในที่สุดมันก็เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายทางการแพทย์ว่า กินช็อคโกแลตที่จะทำให้เกิดเลือดกำเดาไหลหรือไม่ อย่างไรก็ตามเพราะช็อคโกแลตมีแคลอรีสูง ถ้ากินมากๆ อาจจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็ก และมันอาจทำให้เกิดปัญหาผุฟัน แต่ที่มีคนกล่าวว่า ถ้าคุณกินมากเกินไป คุณจะเลือดกำเดาไหลได้ น่าจะไม่จริงนัก แต่อย่างไรก็ตามควรกินอย่างพอเพียงและพอดี ระวังไม่กินมากเกินไป คงจะเป็นสิ่งที่ดี่ที่สุด