นายคาร์ลอส กอส์น อดีตประธานบริษัทนิสสัน มอเตอร์ หนีคดีจากประเทศญี่ปุ่นไปยังเลบานอน พร้อมออกแถลงการณ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่าเขาจะไปแล้วไปลับไม่กลับมา
นายกอส์นถูกตั้งข้อหารายงานค่าตอบแทนของเขาต่ำกว่าความเป็นจริง ในรายงานการเงินของบริษัทนิสสัน และข้อหากระทำผิดต่อหน้าที่ โดยต้องสงสัยว่านำเงินทุนของบริษัทนิสสันไปใช้อย่างไม่เหมาะสม
ศาลเขตโตเกียวได้ปล่อยตัวนายกอส์นจากการคุมขังเมื่อเดือนเมษายน ภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
แต่ในช่วงส่งท้ายปีเก่า นายกอส์นได้ลักลอบเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น โดยมีจุดหมายที่เลบานอน ซึ่งเขามีสถานะเป็นพลเมือง
ทางการเลบานอนประกาศในวันอังคารที่ 31 ธันวาคมว่า นายกอส์นได้เดินทางเข้ากรุงเบรุต เมืองหลวงของเลบานอนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ของเลบานอนกล่าวว่า นายกอส์นได้เดินทางมาถึงกรุงเบรุตด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยผ่านทางตุรกี โดยในรายชื่อผู้โดยสารไม่มีชื่อของนายกอส์นอยู่ แต่มีการแสดงหนังสือเดินทางฝรั่งเศสที่มีชื่อของนายคาร์ลอส กอส์น ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง
หลังจากถึงเลบานอน นายกอส์นได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า “ต่อไปนี้ผมจะไม่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยกระบวนการยุติธรรมญี่ปุ่นที่ไม่ตรงไปตรงมา สรุปว่าจำเลยมีความผิดตั้งแต่ต้น เต็มไปด้วยการเลือกปฏิบัติ และสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานถูกปฏิเสธ ญี่ปุ่นไม่คำนึงถึงกฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ต้องยึดถือ ผมไม่ได้หนีจากกระบวนการยุติธรรม แต่หนีจากความอยุติธรรม และการกดขี่ข่มเหงทางการเมือง”
ซ่อนตัวในกล่องเครื่องดนตรี ใช้เครื่องบินส่วนตัวหนี
เงื่อนไขในการประกันตัวของนายกอส์นคือ เขาต้องส่งมอบหนังสือเดินทางให้กับทนายความเก็บเอาไว้ และติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้านพักเพื่อป้องกันการหลบหนี อย่างไรก็ตาม อดีตผู้บริหารสูงสุดของนิสันรายนี้ ก็ยังวางแผนหลบหนีจากญี่ปุ่นได้
บุคคลใกล้ชิดเปิดเผยว่า ในช่วงวันคริสต์มาสได้มีการจ้างวงดนตรีเข้าไปเล่นในบ้านพักของนายกอส์น เขาได้ซ่อนตัวในกล่องเครื่องดนตรี ซึ่งถูกขนส่งโดยรถบรรทุกไปยังสนามบินคันไซ ที่นครโอซากา ที่อยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปหลายชั่วโมง เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัย จากนั้นก็นำขึ้นเครื่องบินส่วนตัวออกจากญี่ปุ่นเมื่อเวลาราว 23 น. ของวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม ไปยังตุรกี จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเลบานอน
ผู้ที่วางแผนหลบหนีครั้งนี้คือ นางแคโรล ภรรยาของเขา โดยร่วมมือกับพี่ชายของเธอที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับตุรกี ทั้งหมดได้วางแผนนานหลายสัปดาห์เพื่อช่วยให้นายกอส์นหนีออกจากญี่ปุ่น และได้ปฏิบัติการจริงเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนางแคโรลและพี่ชายแล้ว มีนักดนตรีเพียง 2 คนที่รู้เรื่องนี้
หลังปรากฏชัดว่า นายกอส์นหนีออกจากญี่ปุ่นแล้ว อัยการกรุงโตเกียวได้ขอให้ยกเลิกการประกันตัว พร้อมริบเงินประกันมูลค่า 1,500 ล้านเยน อย่างไรก็ตาม นายกอส์น “หาได้แคร์ไม่”
เลบานอนไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับญี่ปุ่น และรัฐบาลเลบานอนมีท่าทีสนับสนุน โดยระบุว่า “เขาเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมาย และเป็นพลเมืองของเลบานอน” จึงแทบจะปิดประตู ที่ญี่ปุ่นจะได้ตัวนายกอส์นกลับมาดำเนินคดี
ทางการญี่ปุ่นกำลังตรวจสอบว่า นายกอส์นหลบหนีออกจากญี่ปุ่นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่มีเงื่อนไขอย่างเข้มงวดในการจับตาเขา และห้ามเข้าต่อติดกับกับใคร นอกจากทนายความ รวมทั้งห้ามใช้โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต รัฐบาลญี่ปุ่นจะสืบสวนด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ “รู้เห็นเป็นใจ” เปิดทางให้นายกอส์นหลบหนีหรือไม่?
ล่าสุด นายคาร์ลอส กอส์น เปิดเผยว่าจะแถลงข่าวกับผู้สื่อข่าวในวันที่ 8 มกราคม.