xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตนักเรียนไทยในญี่ปุ่น: "เรื่องสนุกนอกห้องเรียน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจาก http://norilyo.com/
คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะ ช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ฉันได้มาอยู่ญี่ปุ่นนี้ นับได้ว่าเป็นช่วงหนึ่งที่สนุกที่สุดในชีวิต เพราะนอกจากจะได้มาอยู่ญี่ปุ่นนาน ๆ อย่างที่เคยอยาก รวมทั้งได้เจอบรรดาเพื่อนเก่าชาวญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นแล้ว ที่สำคัญคือเพราะมีเพื่อนนักเรียนคนไทยที่สนุกสนานเฮฮา และมักยกโขยงเฮโลไปไหนด้วยกันเสมอ ทำให้ชีวิตในต่างแดนมีสีสันและรสชาติขึ้นมาก

นักเรียนคนไทยที่มาเรียนที่โรงเรียนนี้ส่วนใหญ่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยมา แล้วกะมาต่อปริญญาโทหรือโรงเรียนสายอาชีพที่ญี่ปุ่น จึงมาเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อเตรียมความพร้อม แต่ละคนสนุกสนาน อารมณ์ดี มีน้ำใจ เป็นกันเอง และน่ารักกันทุกคน ทำให้สนิทสนมกันรวดเร็วอย่างรวดเร็ว

ช่วงเที่ยงวันจะเป็นช่วงที่ทุกคนมาเกาะกลุ่มกันที่โต๊ะประจำ บางคนเรียนภาคเช้าเสร็จ บางคนกำลังรอเรียนภาคบ่าย พวกเราก็จะมารวมตัวกันรับประทานข้าว หรือนั่งคุย นั่งทำการบ้านด้วยกัน

วันหนึ่งเห็นน้องคนหนึ่งนั่งรับประทานข้าวกล่อง ดูร้อน ๆ น่าอร่อย ถามว่าไปซื้อมาจากไหน ก็ได้คำตอบว่าจากร้านขายข้าวกล่องโดยเฉพาะที่ชื่อ “ฮกกะ ฮกกะ” สื่อความหมายว่า “ร้อน ๆ ควันฉุย”  วันหนึ่งเธอเลยพาไปซื้อ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลยเป็นแฟนร้านข้าวกล่องร้อน ๆ ที่ว่านี้ ลองสั่งดูหลายแบบแล้ว ที่ชอบสุดก็คงเป็นข้าวกับไก่ทอดปั้นเป็นลูกใหญ่ ๆ กลม ๆ หรือที่เรียกว่า “คาราอาเกะ” จะมาพร้อมผงโรยเพิ่มรสชาติ (ผงชูรส?) และน้ำมะนาวซอง มีสปาเก็ตตี้แนมมาให้หนึ่งคำราวกับเป็นซิกเนเจอร์
ภาพจาก https://b-lunch.com/
น้องคนเดียวกันนี้ยังตัดผมเป็นด้วย วันหนึ่งน้องผู้ชายคงขอให้เธอช่วยตัดให้ เธอก็หยิบมีดสำหรับซอยผมมาซอยอย่างชำนาญ ตัดผมกันกลางโรงเรียนนั่นเอง แต่คนถูกตัดร้องโอดโอยเพราะช่างดึงผมแรงพอสมควร “อย่าบ่น” เธอพูดอย่างหนักแน่นพลางซอยผมต่อไปจนเสร็จ ฉันเห็นเธอซอยผมน้องผู้ชายออกมาสวยดี ก็เลยขอให้เธอช่วยจัดการผมหน้าม้าให้ฉันด้วย เธอบอก “ได้สิ แต่พี่อย่าบ่นเจ็บนะ เพราะถ้าไม่จับผมไว้แน่น ๆ มันซอยไม่ถนัด” ฉันรับคำ เธอตัดออกมางามทีเดียวค่ะ แต่เจ็บจริง ฉันเลยหวั่นใจที่จะรับบริการในครั้งถัดมา จากนั้นจึงไปซื้อมีดซอยผมมาจากร้านร้อยเยน แล้วหัดซอยเอาเอง

เย็นวันหนึ่งฉันแปลกใจที่เห็นน้อง ๆ กำลังคุยกับผู้ชายวัยทำงานคนหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้า เขาแนะนำตัวเองว่าเป็นวิศวกร ซึ่งบริษัทที่ไทยส่งให้มาทำงานที่ญี่ปุ่น เขาเห็นว่าโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นอยู่ใกล้ ๆ กัน จึงเดาว่าน่าจะมีคนไทยก็เลยเดินเข้ามาดู ฉันชักกังวลว่าคนนอกสามารถเข้าออกโรงเรียนกันโดยไม่มีการรักษาความปลอดภัยเลยหรือ พอถามพี่เขาเข้ามาในโรงเรียนได้อย่างไร เขาก็ตอบซื่อ ๆ งง ๆ ว่า “พี่ก็เดินเข้ามา...” ก่อนทำตาโตด้วยความตกใจ “อ้าว..เขาห้ามเข้ามาหรอกรึ” ตามอายุแล้วพี่คนนี้เป็นผู้ใหญ่กว่าพวกเรา แต่ใสซื่อบริสุทธิ์แบบหายาก จึงโดนน้อง ๆ อำอยู่เรื่อย และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มไปโดยปริยาย

พวกน้อง ๆ ที่เข้าเรียนโรงเรียนนี้ก่อนพวกฉันมักพาไปหาของกินอร่อย ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นร้านเนื้อย่าง ร้านข้าวหน้าปลาดิบ ทุกอย่างราคาย่อมเยาแต่อร่อย หรือพาไปหาซื้ออาหารสดจากตลาด อย่างในย่านอาเมโยโกะแถวสถานีอุเอโนะจะขึ้นชื่อเรื่องอาหารทะเล อาหารแห้ง และวัตถุดิบต่าง ๆ ของเอเชีย ราคาไม่แพงแต่ต้องซื้อทีละมาก ๆ เช่น ปลาอาจิซึ่งคล้าย ๆ ปลาทู กระจาดหนึ่งมี 10 ตัวราคาแค่ 500 เยน หรือกุ้งหนึ่งกระจาดมีประมาณ 10 ตัวราคาพันเยน เป็นต้น
ภาพจาก http://www.guidenet.jp/tk/yearend
น้อง ๆ เคยพาไปซื้อโทรศัพท์มือถือ สมัยนั้นมีแต่มือถือแบบพับเป็นส่วนใหญ่ แต่ละรุ่นออกแบบได้สวยงามน่าใช้มาก ถ้าเป็นเครื่องที่ตกรุ่นแล้ว สามารถซื้อได้ในราคา 0 เยน แต่ต้องทำสัญญาใช้โทรศัพท์ว่าจะใช้บริการตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ ดูเหมือนช่วงนั้นผู้ให้บริการที่เล็งกลุ่มนักเรียนและให้ราคาย่อมเยาจะมีอยู่เพียงเจ้าเดียว ทำให้นักเรียนส่วนใหญ่ใช้เจ้านั้นกันหมด สมัยนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟนจึงไม่มีค่าใช้อินเทอร์เน็ต และมักใช้มือถือโทรแค่เฉพาะเวลาจำเป็นเท่านั้น จึงทำให้ไม่เปลืองเงินกับค่าโทรศัพท์เท่าใดนัก

บางทีเราก็ไปคาราโอเกะกันบ่อย ๆ ที่นิยมไปกันคือช่วงตอนค่ำถึงตีห้า ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาถูกที่สุดของวัน และอยู่ได้นาน ๆ ทั้งคืนยันเช้า แต่ฉันจัดอยู่ในพวกเด็กอนามัยคือมักเข้านอนตอนสี่ทุ่ม การต้องตื่นอยู่ตลอดดึกจึงนับเป็นความทรมานอย่างยิ่ง ฉันเคยไปร่วมตลอดรายการแค่ครั้งเดียว จำได้ว่าพอออกจากคาราโอเกะก็มึนและปวดหัวตุ้บ ๆ แถมการกลับหอเพื่อเข้านอนตอนเช้าและสลบไปจนถึงบ่ายก็ทำให้รู้สึกสับสนเรื่องเวลาด้วย แม้การไปคาราโอเกะกับเพื่อนกลุ่มนี้จะสนุก แต่ฉันก็เข็ดหลาบกับความทรมานที่ตามมา ทำให้ครั้งอื่นฉันไปร่วมแค่พอประมาณแล้วขอตัวกลับก่อน
ภาพจาก https://www.cotedazur.jp/scene/boysgirls.html
ครั้งหนึ่งพวกเขาชวนกันไปดิสนีย์แลนด์ แต่ฉันป่วยเป็นไข้ ได้แต่นอนซมอยู่กับบ้าน เลยอดไปอย่างแสนเสียดาย ฉันหมดแรงกระทั่งจะลุกขึ้นมาทำกับข้าว และคิดถึงข้าวต้มกุ้งที่แม่มักทำให้บ่อย ๆ เลยขอให้น้องช่วยทำให้

ก่อนหน้านั้นฉันก็เคยทำข้าวต้มกุ้งเองเหมือนกัน และต้องทำครบสูตรคือใส่กระเทียมเจียวด้วย ถ้ามองในแง่ดีก็อาจจะเรียกได้ว่าเพราะฉันมีความ “โคดาวาหริ” (こだわり)ซึ่งแปลว่า “พิถีพิถัน” (บางทีแปลว่า “จำเพาะเจาะจง”) แต่ถ้าจะให้เข้าใจง่ายในกรณีนี้ก็แปลได้ว่า “เรื่องมาก” นั่นเองนะคะ

ปกติน้องฉันจะบ่นเวลาฉันทำกระเทียมเจียวเพียงเพื่อจะใส่โรยหน้าแค่นิดเดียว แต่วันนั้นที่ฉันนอนซมและเธอทำข้าวต้มกุ้งให้ เธออุตส่าห์ทำกระเทียมเจียวใส่มาให้ด้วยโดยที่ฉันไม่ได้ขอ ทำเอาฉันแปลกใจ พอได้รับประทานอาหารรสชาติของแม่ที่น้องทำให้ด้วยความใส่ใจอย่างนั้น ก็เลยรู้สึกขอบคุณและดีใจมาก แถมรสชาติก็อร่อยแบบที่แม่ทำเลย เป็นความสุขและความอบอุ่นใจเล็ก ๆ ยามป่วยไข้ที่จำได้ดี

เย็นวันหนึ่งพวกเราไปเที่ยวบ้านน้องคนหนึ่งที่ย้ายจากหอไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ใหม่ วันนั้นมีเพื่อนชาติอื่น ๆ ยกโขยงกันไปด้วย พอเริ่มเบื่อก็เลยชวนกันออกไปเล่นที่สนามเด็กเล่นใกล้เคียง พอมีหลายคนก็เฮฮากันเสียงดังโดยไม่ได้ตั้งใจ สักครู่มีตำรวจขี่จักรยานมา บอกว่ามีคนแจ้งว่าพวกเราหนวกหูมาก (ตอนนั้นดึกแล้ว) ก่อนจะขอบัตรประจำตัวของใครคนหนึ่งมาจดลงในบันทึกประจำวัน และไล่ให้พวกเราแยกย้ายกันไปได้แล้ว
ภาพจาก https://girlschannel.net/
พูดถึงเรื่องบัตรประจำตัว ก็นึกขึ้นได้ว่าเคยมีเพื่อนของน้องคนหนึ่งมาเที่ยวด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว แล้ววันหนึ่งบังเอิญโดนตำรวจเรียกตัวไว้แล้วขอดูหนังสือเดินทาง แต่เธอไม่ได้พกติดตัวไว้ จึงโดนตำรวจกักตัวเพราะเกรงว่าจะเป็นพวกลับลอบหลบหนีเข้าเมือง ฉันเลยโดนไหว้วานให้ช่วยไปที่บ้านเอาพาสปอร์ตมาให้ที่สถานีตำรวจ ตำรวจถึงยอมปล่อยออกมา

ฉันได้ยินว่าเดี๋ยวนี้ตำรวจสุ่มเรียกดูพาสปอร์ตจากนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวดกว่าเดิม แต่ก็ทราบว่าบางคนไม่ชอบพกติดตัว ถ้าไม่อยากลำบากระหว่างท่องเที่ยวก็พกไว้หน่อยดีกว่าค่ะ จะได้ไม่มีเรื่องวุ่นวายให้หงุดหงิดและเสียเวลาขึ้นมาในภายหลัง

แล้วพบตอนต่อในสัปดาห์หน้านะคะ สวัสดีค่ะ.




"ซาระซัง" สาวไทยที่ถูกทักผิดว่าเป็นสาวญี่ปุ่นอยู่เป็นประจำ เรียนภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่ชั้นประถม และได้พบรักกับหนุ่มแดนอาทิตย์อุทัย เป็น “สะใภ้ญี่ปุ่น” เธอเคยใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงโตเกียวนานกว่า 5 ปี ปัจจุบันติดตามสามีไปทำงาน ณ สหรัฐอเมริกา ติดตามคอลัมน์ “เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น” ที่ MGR Online ทุกวันอาทิตย์.


กำลังโหลดความคิดเห็น