ธุรกิจต่างวัย ของยายกับหลาน เริ่มจากหลานที่เจอปัญหากับตัวเองในช่วงที่เคยได้ทำงานอยู่ในห้างฯ บวกกับความทรงจำเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกับอาม่า ที่เคยเห็นอาม่าได้ทำอาหารในร้านและได้ทำให้ตนกิน จึงได้ชักชวนอาม่าร่วมธุรกิจ "ข้าวกล่องอาม่า" ในคอนเซปท์ “ทำให้หลานมันกิน”
นายพิชญุตม์ กุศลสิทธิรัตน์ หรือไบร์ท เจ้าของธุรกิจ" ข้าวกล่องอาม่า" ในวัย 24 ปี เล่าว่า จุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากช่วงที่ได้เข้าไปทำงานในห้างสรรพสินค้า เกิดข้อจำกัดหลายๆ อย่างในการกินอาหารกลางวัน ครั้นจะอยู่แค่ในศูนย์อาหารของห้างฯ เพียงอย่างเดียวก็แพงพอสมควร รวมไปถึงร้านที่เป็นร้านตู้ต้องปิดเพื่อที่จะไปกินข้าวได้ ด้วยละแวกบ้านก็มีห้างฯ เป็นจำนวนมาก จึงมองเห็นเป็นโอกาสในช่องทางนี้
รวมไปถึงความสัมพันธ์กับอาม่า จากที่เคยอยู่ด้วยกัน แต่เมื่อโตขึ้นแล้วปัจจุบันก็แยกกันอยู่ โดยส่วนตัวเองก็อยู่แถวคลองเตย ส่วนอาม่าอยู่ที่เจริญกรุงแค่คนเดียว เคยชักชวนอาม่าให้มาอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน แต่ท่านก็กลัวและกังวลว่าจะเป็นภาระให้แก่ลูกหลานจึงไม่ยอมไปอยู่ด้วยกัน แต่ด้วยความเป็นห่วงจากหลาน ที่ไม่อยากให้อยู่คนเดียวจึงเริ่มชักชวนมาร่วมธุรกิจร้านอาหารด้วยกัน
จึงเกิดเป็นธุรกิจ "ข้าวกล่องอาม่า" ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ทำให้หลานมันกิน" จากที่เปิดมาได้ 1 ปีกว่า บวกกับฝีมือการทำอาหารของอาม่ามากประสบการณ์ ใช้ชีวิตอยู่ในครัวไม่ต่ำกว่า 20 – 30 ปี ช่วงแรกเริ่มมาด้วยการทำแบบธุรกิจครอบครัว ขายได้เพียง 50 – 60 กล่อง หลังจากนั้นได้รับผลตอบรับที่ดีจนปัจจุบันนี้รับได้มากถึง 1,200 กล่อง/วัน
ทั้งนี้หากวันใดที่มีงาน หรือโปรเจคต์ใหม่ๆ เข้ามาก็จะสามารถรับได้อยู่ที่ 10,000 กล่อง/วัน ส่วนแผนการสร้างธุรกิจ จะแบ่งสร้างทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณ ในส่วนของปริมาณก็อาจจะเพิ่มให้ได้ประมาณ 50,00 ภายใน 1 – 2 ปี ในส่วนของคุณภาพก็จะเร่งพัฒนาในเชิงระบบให้ดียิ่งกว่าเดิม ปกติตอนแรกที่เริ่มใหม่ๆ ก็ใช้เป็นระบบไลน์แอดเพื่อสั่งของ ระยะที่สองก็เริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นระบบอีกรูปแบบ จนระยะปัจจุบันก็พัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองได้แล้ว ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งรายการอาหารล่วงหน้าผ่านช่องทางเว็บไซต์ ที่มีให้เลือกมากถึง 100 เมนู ได้เลยในทันที
ปัจจุบันพนักงานใน บริษัท ซอย 83 จำกัด ที่คอยช่วยกันภายในบริษัท มีมาก 40 – 50 คนแล้ว แบ่งเป็นคนส่งของมีมากถึง 20 คน ส่วนงานครัวมี 15 คน ที่เหลือก็จะเป็นงานส่วนออฟฟิศ แนวโน้มผลตอบรับที่ดีขึ้นแบบนี้ในอนาคตก็จะมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาให้บริการอีก
ด้านประเภทของอาหารที่มีให้ลูกค้าเลือก อาหารเช้า ตั้งแต่เวลา 5.30-8.00 (เลือกคละได้ 3 เมนู), หลังช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 8.01-20.00 น. (เลือกคละได้ 5 เมนู), กับข้าวแบบถาด (คละได้ 4 เมนู) รวมไปถึงสแน็คบ๊อก, เซ็ตพรีเมี่ยม, เซ็ตถวายพระ หรือจะเป็นขนม เครื่องดื่ม ของหวาน ทางร้านก็มีให้เลือก พร้อมทั้งมีบริการส่งฟรีในเขตพื้นที่บริการ ทั้งคลองเตย, สาทร, พระราม3 , สุขุมวิท, สามย่าน และสีลม นอกจากนั้นคิดค่าบริการตามระยะทาง
“หลังจากที่ได้เข้ามาทำ ข้าวกล่องอาม่า ตรงนี้ทำให้ความทรงจำในวัยเด็กกลับมา ตอนอนุบาลที่ได้ไปวิ่งเล่นที่ร้านของอาม่าตลอด แต่หลังจากโตขึ้นมา เป็นช่วงที่ไบร์ทเคยเป็นนักกีฬาโรงเรียน หลังจากซ้อมกีฬากลับมาดึกๆ บางวันก็ต้องตื่นเช้า ก็มีโอกาสเจอหน้าพ่อ แม่ น้อยลง ส่วนอาม่ายิ่งมีโอกาสเจอน้อยกว่า เพราะอยู่บ้านกันคนละหลัง ได้เจอกันแค่เดือนละครั้ง แต่ปัจจุบันธุรกิจนี้ก็เป็นการตอบโจทย์ของเราเองที่ต้องการจะอยู่ใกล้ชิดครอบครัวมากขึ้น ทำให้ครอบครัวมาอยู่พร้อมหน้ากัน”
นอกเหนือจากส่วนนี้แล้ว ในเทศกาลต่างๆ ก็จะมีเมนูที่เพิ่มเข้ามา เช่น ช่วงเทศกาลกินเจที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบรับที่ดีขึ้น มีผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าหลากหลายรูปแบบ แต่ทางร้านไม่ได้มีเพียงการขายอาหารอย่างเดียว แต่ยังมีการลงคอนเทนต์ให้ความรู้อีกด้วย จากคอนเซปท์ “ทำให้หลานมันกิน” เป็นตัวเชื่อมสำหรับลูกค้าที่ได้รับอาหารจาก “ข้าวกล่องอาม่า” ไปจะได้ความรู้สึกเหมือนได้กินข้าวที่บ้านตัวเอง
สนใจติดต่อ 0865524642 หรือเว็บไซต์ armabox.net
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมายคลิกที่นี่เลย!! * * *