เมืองไทย 360 องศา
วันก่อน ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้ใช้สื่อโซเชียลโพสต์ข้อความตั้งคำถามกับสังคมภายนอก ในทำนองว่า ตกลงแล้ว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่กำลังถูกดำเนินคดีมากมายหลายคดีในเวลานี้ กระทำความผิดจริง หรือว่ากำลังถูกทำให้มีความผิด เนื่องจากฝ่ายผู้มีอำนาจเกิดความเกรงกลัวกับแนวทางการเคลื่อนไหว แนวความคิดของพวกเขากันแน่
หากจะนับเรื่องราวของคดีต่างๆ มากมาย ที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังเจออยู่ในเวลานี้ จากการเปิดเผยของเจ้าตัวเองเคยบอกว่ามีอยู่ประมาณร่วม 20 คดี อย่างไรก็ดี ที่ต้องลุ้นชี้ขาดเฉพาะหน้าก่อน ก็คือ คดีถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งหลายคนก็เชื่อว่าน่าจะ “รอดยาก” เมื่อพิจารณาจากเหตุผลคำร้องของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อหลายเดือนก่อน อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากการที่ศาลฯมีมติรับคำร้องแบบเอกฉันท์ รวมไปถึงคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เป็นการชั่วคราว
หรือแม้แต่เหตุผลในการแก้ต่างเมื่อครั้งมีการไต่สวนพยาน 10 ปากเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเจ้าตัวเองก็ไม่ได้นำหลักฐานที่เรียกว่า “เด็ด” มาอธิบายได้เลย มีแต่เพียงย้ำว่า “ไม่ทราบ ไม่รู้หรือจำไม่ได้” แบบมีอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อถูกซักมากๆ จนวันนั้นหลายคนต่างมองเห็นตรงกันว่าคดีนี้ “น่าจะรอดยาก”
นอกเหนือจากนี้ที่น่าสนใจก็คือเวลานี้หากพิจารณากันในทางการเมืองก็ต้องถือว่าพรรคอนาคตใหม่กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง” หรือไม่ก็เป็นแบบที่เรียกว่าอยู่ในภาวะ “ทรงๆ” หรือ “ไม่มีกระแส” เหมือนเมื่อก่อน หลังจากที่มีปัญหาความขัดแย้งภายในพรรค ระหว่างผู้บริหารพรรคกับ ส.ส.พรรค และตามมาด้วยสมาชิกพรรคและอดีตผู้สมัครของพรรคนับร้อยคนที่ตบเท้าแห่ลาออกพร้อมๆ กัน และยังมีความเคลื่อนไหวอีกว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้จะมีสมาชิกพรรคอีกจำนวนหนึ่งจะมีการทยอยแห่ลาออกตามมาอีก
ความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ร่วม 10 คนที่โหวตสวนมติพรรคในร่างกฎหมายสำคัญก่อนหน้านี้ มาจนถึงการยกขบวนแห่ลาออกของสมาชิกพรรคพร้อมๆกันนับร้อยคน แม้ว่าจะบอกว่าเป็นเพียงแค่เล็กน้อยเพียง 0.01 เปอร์เซ็นต์ คือ ตามที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อ้างว่าไม่สะเทือน และมองว่าเป็นพวก “สนิม” หรือ “ขยะ” ที่ไร้ค่า ก็ตาม แต่คำกล่าวหาจากสมาชิกพรรค “อดีตคนใน” เปิดโปงในทางเดียวกันว่า แนวคิดและการบริหารของ ธนาธร “กับพวก” ในที่นี้หมายรวมถึง ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และเพื่อนๆอีกสองสามคน หรือการบริหารสาขาพรรคไม่ต่างจากรูปแบบบริษัทจำกัดในเครือธุรกิจครอบครัวด้วยการส่งลูกน้องใกล้ชิดที่เป็นแค่เด็กๆอายุไม่ถึง 30 ปี ไม่ควบคุมสั่งการ และที่สำคัญถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตกันภายในพรรคแทบจะทุกขั้นตอน
สรุปก็คือ การบริหารและแนวคิดของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีลักษณะเป็นเผด็จการ รวบอำนาจ ไม่ความเสมอภาค แบ่งชนชั้น สวนทางกับคำพูดและท่าทีที่แสดงออกให้สังคมภาบนอกได้เห็น เร่องราวแบบนี้แหละที่ทำให้ “กระแส ธนาธรหยุดกึก” มาตั้งแต่นั้น รวมไปถึงกระแสของพรรคอนาคตใหม่ด้วย เพราะส่งผลทำให้การเลือกตั้งซ่อมที่ นครปฐม เขต 5 ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
ไม่อาจรักษาเก้าอี้ ส.ส.เดิมเอาไว้ได้ แม้ว่าการการพ่ายแพ้การเลือกตั้งซ่อมดังกล่าวอาจมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะการที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปกล่าวโจมตี ทักษิณ ชินวัตร กลางศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะ “เหยียบย่ำ” จนทำให้ต้องสูญเสียคะแนนจากแนวร่วมคนเสื้อแดงที่เคยเทคะแนนให้เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบก่อนหน้านี้ เหล่านี้จึงไม่ต่างจาก “ปากพาจน” ทุกอย่างประดังเข้าใส่จนตั้งตัวไม่ติด
เมื่อวกกลับมาที่คำถามของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ที่ตั้งคำถามว่า ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “ผิดจริงหรือว่าถูกทำให้ผิด” นาทีนี้หากมองในบางมุมมันก็เหมือนกับว่าเป็นความพยายามสร้างกระแสแบบโยนหินถามทางสร้างสุดท้าย เหมือนกับว่า “ก่อนตายขอลองเสี่ยงอีกสักครั้ง” นั่นคือ จะลองดูว่าบรรดา สาวกจะออกมาสนับสนุนเหมือนเก่าหรือไม่ หรือใช้เป็น “กำแพง” พิงได้หรือไม่
แต่ที่ชวนติดตามก็คือผลสำรวจที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกันก่อนหน้านี้ที่มีการตั้งคำถามว่า หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบจะรู้สึกอย่างไร ผลปรากฏออกมาว่า บรรดาคนรุ่นใหม่กลับตอบออกมาว่า “เฉยๆ” ซึ่งเชื่อว่าเป็นคำตอบที่ทำให้บางคนในพรรคอนาคตใหม่สะอึกแน่นอน เพราะมันยังสะท้อนให้เห็นทิศทางข้างหน้าหนทางข้างหน้าของ ธนาธร-ปิยบุตร มันคงไม่คึกคักเหมือนเก่า แต่จะว่าไปแล้วคงจะโทษใครไม่ได้ นอกจากตัวเอง ทุกอย่างทำเอง ไม่น่าจะเกี่ยวกับผู้มีอำนาจหรือคนอื่นแน่นอน !!