**ยังมีเรื่องมีราวไม่จบสิ้น สำหรับพรรคอนาคตใหม่ ล่าสุดเรื่องราวความขัดแย้งภายใน หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งก็ได้ว่าเป็น “ความไม่พอใจ”ของบรรดาลูกพรรค สมาชิกพรรค ที่เคยมีความไม่พอใจแบบสะสมก็ถึงคราวระเบิดพรั่งพรูออกมาให้เห็นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้มีเรื่องส.ส.ของพรรคจำนวนร่วม 10 คน โหวตสวนมติพรรคในร่างกฎหมายสำคัญมาแล้ว และมีบางคนถึงขั้นแสดงออกอย่างชัดเจน และยอมรับออกมาตรงๆว่า มีความขัดแย้งไม่พอใจการบริหารงานภายในพรรค โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อความที่โพสต์ ในโซเชียลฯ ของส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายจารึก ศรีอ่อน ที่ระบุยืน ยันชัดเจนว่า “หัก”กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ในเรื่องของการส่งผู้สมัครในระดับการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องการวางตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)จันทบุรี ที่เขาบอกว่า ผู้บริหารพรรคทั้งหัวหน้าพรรคและ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคไม่ยอมรับฟังปัญหาของพวกเขาเลย
ล่าสุดก็มีเรื่องบรรดาอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่หลายสิบคน รวมตัวกันนัดหมายกันไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค พร้อมกันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ พร้อมกับการเตรียมแฉเรื่องการบริหารภายในพรรค และมีเรื่องการทุจริตภายในกันอีกด้วย แต่เนื้อหาหลักๆ ที่พวกเขาต้องการสื่อออกไปภายนอกก็คือ การบริหารที่ “รวบอำนาจ”ไว้กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียว หรือไม่ก็ในเรื่องอุดมการณ์พรรค ก็ต้องฟังแนวทางของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เท่านั้น
รวมไปถึงแนวทางการบริหารพรรคก็มีการอ้างว่าไม่ต่างจาก “บริษัทจำกัด”ที่มีการส่งคนของพรรคจากส่วนกลาง ซึ่งก็ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของบริษัทในครอบครัวของหัวหน้าพรรค ถูกส่งลงไปควบคุมดูแลการจัดการภายในสาขาพรรคทั่วประเทศ ทุกอย่างต้องรายงานขึ้นตรงต่อพวก “ตัวแทน”เหล่านี้ทั้งสิ้น จนพวกเขาอ้างว่าสร้างความอึดอัด ทั้งในเรื่องการทำงานการเมืองในพื้นที่ ที่ขาดความอิสระคล่องตัว และที่สำคัญไม่สามารถติดต่อประสานงานหรือเข้าถึงตัว หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้เลย
**อย่างไรก็ดี หากเป็นแบบที่มีการอ้างของบรรดา ส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรคเป็นแบบนี้จริงๆ ว่าการบริหารภายในเป็นแบบ “รวมศูนย์”ที่ส่วนกลาง และหัวหน้าพรรค คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียวจริงๆ ก็ต้องถือว่า อนาคตของพรรคอนาคตใหม่กำลัง “แขวนอยู่บนเส้นด้าย”เป็นแน่แท้
เพราะนั่นเท่ากับว่าอนาคตของพรรคการเมืองพรรคนี้ ขึ้นอยู่กับอนาคตของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว ซึ่งเวลานี้กำลังมี “ชนัก”ปักหลังในหลายคดีสำคัญ ที่มีผลต่ออนาคตทางการเมืองของเขารวมไปถึงอนาคตของพรรคอนาคตใหม่ อีกด้วย
หากพิจารณาจากความเป็นจริงในขณะนี้ เอาเฉพาะเฉพาะหน้าที่ต้องเผชิญอยู่ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ในคดีถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยแล้วก็ต้องบอกว่า “น่าหวาดเสียว”หรือมองตามอาการแล้วถือว่า “รอดยาก”เพราะหากพิจารณาตามเอกสารทางราชการแล้ว วันเวลาก็ถือว่ามันชัดเจนมาก แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นกับ ดุลพินิจของศาลว่าจะออกมาอย่างไร
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องจับตามองกันอีกเรื่องก็คือพรรคอนาคตใหม่กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง”หรือไม่และจะลงขนาดไหน เพราะเมื่อมองเห็นจากผลการเลือกตั้งซ่อมนครปฐมเขต 5 ที่ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ พ่ายแพ้ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา "เผดิมชัย สะสมทรัพย์" เกือบหมื่นคะแนน แม้ว่าจะมีหลายคนบอกว่ายังไม่อาจประเมินอะไรได้ แต่การที่คะแนนลดลงและพ่ายแพ้อย่างขาดลอย มันก็พอมองเห็นอะไรบางอย่างแล้ว
หลายคนมองว่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะไม่ได้จำนวนส.ส.จำนวนมากอย่างในวันนี้ เพราะหลังจากวันที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เหยียบย่ำ ทักษิณ ชินวัตร กลางศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันก่อน มันก็ย่อมทำให้บรรดาแฟนคลับของทักษิณ ที่เคยเทคะแนนให้ผู้สมัครอนาคตใหม่ หลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไป ย่อมเกิดอารมณ์ในทางลบ หรือวางเฉย หรือไม่ก็เกิดอารมณ์โกรธแล้วหัวไปเทคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามแบบ “สั่งสอน”ก็มีไม่น้อย
**นั่นก็เท่ากับว่าเวลานี้เสียงสนับสนุนของ พรรคอนาคตใหม่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปส่วนจะมากหรือน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันหากในวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในคดีถือหุ้นสื่อออกมาในทางลบ มันก็จบเห่ทั้งเจ้าของพรรค และพรรคอนาคตใหม่ เพราะทุกอย่างถูกมองว่ามันผูกติดเอาไว้ด้วยกัน !!
ก่อนหน้านี้มีเรื่องส.ส.ของพรรคจำนวนร่วม 10 คน โหวตสวนมติพรรคในร่างกฎหมายสำคัญมาแล้ว และมีบางคนถึงขั้นแสดงออกอย่างชัดเจน และยอมรับออกมาตรงๆว่า มีความขัดแย้งไม่พอใจการบริหารงานภายในพรรค โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อความที่โพสต์ ในโซเชียลฯ ของส.ส.พรรคอนาคตใหม่ จังหวัดจันทบุรี นายจารึก ศรีอ่อน ที่ระบุยืน ยันชัดเจนว่า “หัก”กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ในเรื่องของการส่งผู้สมัครในระดับการเมืองท้องถิ่น โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องการวางตัวผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)จันทบุรี ที่เขาบอกว่า ผู้บริหารพรรคทั้งหัวหน้าพรรคและ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคไม่ยอมรับฟังปัญหาของพวกเขาเลย
ล่าสุดก็มีเรื่องบรรดาอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่หลายสิบคน รวมตัวกันนัดหมายกันไปยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรค พร้อมกันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้ พร้อมกับการเตรียมแฉเรื่องการบริหารภายในพรรค และมีเรื่องการทุจริตภายในกันอีกด้วย แต่เนื้อหาหลักๆ ที่พวกเขาต้องการสื่อออกไปภายนอกก็คือ การบริหารที่ “รวบอำนาจ”ไว้กับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียว หรือไม่ก็ในเรื่องอุดมการณ์พรรค ก็ต้องฟังแนวทางของ ปิยบุตร แสงกนกกุล เท่านั้น
รวมไปถึงแนวทางการบริหารพรรคก็มีการอ้างว่าไม่ต่างจาก “บริษัทจำกัด”ที่มีการส่งคนของพรรคจากส่วนกลาง ซึ่งก็ส่วนใหญ่ก็เป็นคนของบริษัทในครอบครัวของหัวหน้าพรรค ถูกส่งลงไปควบคุมดูแลการจัดการภายในสาขาพรรคทั่วประเทศ ทุกอย่างต้องรายงานขึ้นตรงต่อพวก “ตัวแทน”เหล่านี้ทั้งสิ้น จนพวกเขาอ้างว่าสร้างความอึดอัด ทั้งในเรื่องการทำงานการเมืองในพื้นที่ ที่ขาดความอิสระคล่องตัว และที่สำคัญไม่สามารถติดต่อประสานงานหรือเข้าถึงตัว หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคได้เลย
**อย่างไรก็ดี หากเป็นแบบที่มีการอ้างของบรรดา ส.ส. และอดีตผู้สมัครของพรรคเป็นแบบนี้จริงๆ ว่าการบริหารภายในเป็นแบบ “รวมศูนย์”ที่ส่วนกลาง และหัวหน้าพรรค คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพียงคนเดียวจริงๆ ก็ต้องถือว่า อนาคตของพรรคอนาคตใหม่กำลัง “แขวนอยู่บนเส้นด้าย”เป็นแน่แท้
เพราะนั่นเท่ากับว่าอนาคตของพรรคการเมืองพรรคนี้ ขึ้นอยู่กับอนาคตของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เป็นเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว ซึ่งเวลานี้กำลังมี “ชนัก”ปักหลังในหลายคดีสำคัญ ที่มีผลต่ออนาคตทางการเมืองของเขารวมไปถึงอนาคตของพรรคอนาคตใหม่ อีกด้วย
หากพิจารณาจากความเป็นจริงในขณะนี้ เอาเฉพาะเฉพาะหน้าที่ต้องเผชิญอยู่ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ในคดีถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยแล้วก็ต้องบอกว่า “น่าหวาดเสียว”หรือมองตามอาการแล้วถือว่า “รอดยาก”เพราะหากพิจารณาตามเอกสารทางราชการแล้ว วันเวลาก็ถือว่ามันชัดเจนมาก แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นกับ ดุลพินิจของศาลว่าจะออกมาอย่างไร
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องจับตามองกันอีกเรื่องก็คือพรรคอนาคตใหม่กำลังอยู่ในช่วง “ขาลง”หรือไม่และจะลงขนาดไหน เพราะเมื่อมองเห็นจากผลการเลือกตั้งซ่อมนครปฐมเขต 5 ที่ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ พ่ายแพ้ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา "เผดิมชัย สะสมทรัพย์" เกือบหมื่นคะแนน แม้ว่าจะมีหลายคนบอกว่ายังไม่อาจประเมินอะไรได้ แต่การที่คะแนนลดลงและพ่ายแพ้อย่างขาดลอย มันก็พอมองเห็นอะไรบางอย่างแล้ว
หลายคนมองว่า พรรคอนาคตใหม่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว และการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะไม่ได้จำนวนส.ส.จำนวนมากอย่างในวันนี้ เพราะหลังจากวันที่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เหยียบย่ำ ทักษิณ ชินวัตร กลางศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันก่อน มันก็ย่อมทำให้บรรดาแฟนคลับของทักษิณ ที่เคยเทคะแนนให้ผู้สมัครอนาคตใหม่ หลังจากที่พรรคไทยรักษาชาติถูกยุบไป ย่อมเกิดอารมณ์ในทางลบ หรือวางเฉย หรือไม่ก็เกิดอารมณ์โกรธแล้วหัวไปเทคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามแบบ “สั่งสอน”ก็มีไม่น้อย
**นั่นก็เท่ากับว่าเวลานี้เสียงสนับสนุนของ พรรคอนาคตใหม่จะต้องเปลี่ยนแปลงไปส่วนจะมากหรือน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันหากในวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินในคดีถือหุ้นสื่อออกมาในทางลบ มันก็จบเห่ทั้งเจ้าของพรรค และพรรคอนาคตใหม่ เพราะทุกอย่างถูกมองว่ามันผูกติดเอาไว้ด้วยกัน !!