มกุฎราชกุมารญี่ปุ่นมีพระดำรัสว่า จะทรงทุ่มเทเพื่อพระราชภารกิจเหมือนดั่งเช่นสมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน โดยเฉพาะการสานสัมพันธ์กับต่างประเทศ และเยี่ยมพสกนิกรในพื้นที่ต่างๆของญี่ปุ่น
มกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะทรงมีพระดำรัสในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ก่อนที่จะเสด็จเยือนเดนมาร์กตั้งแต่วันที่ 15-21 มิถุนายน โดยเป็นพระราชดำรัสครั้งแรกหลังจากรัฐสภาญี่ปุ่นมีมติผ่านกฎหมายพิเศษเพื่อให้สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะสละราชสมบัติ และมกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะ ซึ่งมีพระชนมายุ 57 ชันษาจะเสด็จขึ้นครองราชย์สืบไป
มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่นได้หยิบยกพระราชดำรัสของพระจักรพรรดิที่ทรงกล่าวกับประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว ว่าทรงมีความกังวลในเรื่องการปฏิบัติพระราชภารกิจ ด้วยทรงมีพระชนมายุ 83 ชันษาแล้ว มกุฎราชกุมารแห่งญี่ปุ่น มีพระดำรัสว่า ทรงเข้าใจถึงความรู้สึกของพระจักรพรรดิ และตระหนักถึงพระราชภารกิจในการเป็นสัญลักษณ์ของแผ่นดินด้วยความทุ่มเท เฉกเช่นเดียวกับพระชนกและพระจักรพรรดิในอดีตทั้งหมด
สมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะทรงได้รับการยอมรับในหมู่ชาวญี่ปุ่นว่า ทรงมีบทบาทสำคัญยิ่งในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับนานาประเทศเพื่อเยียวยาบาดแผลจากสงครามโลก จนทำให้ญี่ปุ่นมีบทบาทสำคัญในเวทีโลก นอกจากนี้ยังทรงเสด็จไปให้กำลังใจกับประชาชนผู้ประสบภัยในพื้นที่ต่างๆ ทุกครั้ง ยุคสมัยของพระองค์จึงเป็นยุคแห่ง “ความสงบสุข” สมดั่งปีศักราชที่ขนานนามตามการครองราชย์ของพระองค์ว่า “เฮเซ” 平成
มกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะระบุว่า สมาชิกราชวงศ์จะมีบทบาทสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์กับนานาชาติ โดยพระองค์จะหารือกับเจ้าหญิงมะซะโกะ พระชายา เมื่อมีโอกาส หากแต่มกุฎราชกุมารนะรุฮิโตะไม่ได้มีพระดำรัสว่าจะเสด็จเยือนอดีตสมรภูมิสงครามโลก เหมือนเช่นสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะหรือไม่ ?
ขณะเดียวกัน พระพลานามัยของเจ้าหญิงมะซะโกะก็เป็นที่จับตามองเช่นเดียวกัน เพราะพระราชกิจของพระองค์จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในฐานะพระจักรพรรดินีแห่งญี่ปุ่น ทั้งนี้เจ้าหญิงมะซะโกะไม่ได้เสด็จเยือนเดนมาร์กด้วยในครั้งนี้ และพระองค์ทรงประทับอยู่แต่ในวังตั้งแต่ปี พ.ศ 2545 โดยไม่ได้เสด็จออกสู่สาธารณชนอีกเลย นอกจากเฉพาะในงานพิธีการสำคัญ อาทิ วันเฉลิมพระชนพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิ เป็นต้น โดยคาดกันว่าความคาดหวังให้ทรงมีพระราชโอรสกลายเป็นทำให้เจ้าหญิงทรงเครียดจัด และมีภาวะซึมเศร้าจนส่งผลไปถึงพระพลานามัย.