xs
xsm
sm
md
lg

ญี่ปุ่น “อ่านใจ” ผู้นำฟิลิปปินส์ ยืนข้างจีนทิ้งสหรัฐฯ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รัฐบาลญี่ปุ่นระดมสมองวิเคราะห์ท่าทีของประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งเยือนญี่ปุ่นและประเทศจีน หลังจากประกาศตัดความสัมพันธ์เป็นพันธมิตรกับสหรัฐอเมริกา

“จิตมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง” โดยเฉพาะกับประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ผู้นำปากกล้าแห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งมักเอ่ยวาทะเรียกเสียงฮือฮาจากประชาคมโลกได้เสมอ ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับงดเว้นที่จะให้ความเห็นในระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน ของประธานาธิบดี ดูเตอร์เต เพื่อหลีกเลี่ยงประเด็นอ่อนไหว และเพื่อหยั่งเชิงท่าทีของผู้นำฟิลิปปินส์ด้วย

สิ่งที่รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการรู้จากผู้นำฟิลิปปินส์ คือ จุดยืนเรื่องพื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้ กับประเทศจีน และความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ

รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดการหารือกับผู้นำฟิลิปปินส์ 2 รอบ รอบแรกในเวลาราว 35 นาที เป็นการหารือระหว่างผู้นำฟิลิปปินส์ และคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แต่หลังจากแถลงข่าวร่วมกันแล้ว นายกฯ ชินโซ อะเบะ ได้จัดการหารือ “วงเล็ก” กับประธานาธิบดี ดูเตอร์เต อีกรอบ โดยมีเฉพาะคนสำคัญในรัฐบาลเท่านั้นที่เข้าร่วม

ในช่วงการเยือนประเทศจีน ผู้นำฟิลิปปินส์ กล่าวว่า เขาจะทบทวนการเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ และต้องการให้ทหารต่างชาติถอนตัวออกจากฟิลิปปินส์ภายใน 2 ปี แต่เมื่อมาเยือนญี่ปุ่น ดูเตอร์เต กลับบอกว่า “ เขายืนอยู่ข้างญี่ปุ่น” และหารือกับฝ่ายจีนเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจเท่านั้น

แหล่งข่าวในรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่า นายกฯ อะเบะ ได้บอกกับผู้นำฟิลิปปินส์ ว่า บทบาทของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเรื่องจำเป็น แต่ฝ่ายญี่ปุ่นก็รู้ดีว่าท่าทีของดูเตอร์เตที่ญี่ปุ่นนั้น จะต้องถูกทบทวนอีกครั้ง เมื่อเขาเดินทางกลับประเทศ ดังนั้น จึงต้องประเมินกันในระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญหยั่งเชิง ฟิลิปปินส์เล่นไพ่หลายหน้า

ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น วิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์ กับ สหรัฐฯ และ จีน มีความสำคัญอย่างยิ่งกับญี่ปุ่น โดยถึงแม้ผู้นำฟิลิปปินส์จะเลือกเยือนจีนก่อนจะมาญี่ปุ่น แต่การที่ประธานาธิบดี ดูเตอร์เต กล่าวกับนายกฯ อะเบะ ว่า เขาจะหารือกับจีนโดยอิงกฎหมายนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นประเมินว่า หลังจากสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากฟิลิปปินส์ในช่วงทศวรรษ 1990 จีนก็มีบทบาททางทะเลเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้อดีตประธานาธิบดี เบนินโญ อาคิโน ต้องลงนามในสนธิสัญญาเปิดทางให้กองทัพสหรัฐฯเข้ามาตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์อีกครั้ง แต่เกมกลับพลิกผัน เมื่อประธานาธิบดี ดูเตอร์เต ประกาศแยกทางกับอเมริกา

ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น มองว่า จุดยืนของประธานาธิบดี ดูเตอร์เต ที่ต่อต้านสหรัฐฯนั้น เพราะดูเตอร์เตเคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งฟิลิปปินส์ อีกทั้งเคยเป็นสมาชิกกลุ่มยุวชนพรรคคอมมิวนิสต์มาก่อน ดังนั้น แนวคิดของเขาจึงค่อนข้างเอียงซ้าย

ญี่ปุ่นหวังเป็น “โซ่ข้อกลาง”

ญี่ปุ่นกังวลว่า ประธานาธิบดี ดูดตอร์เต จะเปลี่ยนแปลงสัญญาการตั้งฐานทัพสหรัฐฯที่ฟิลิปปินส์เคยทำไว้ แต่อีกด้านหนึ่ง หากฟิลิปปินส์และสหรัฐฯแยกทางกัน ฟิลิปปินส์อาจหันมาพึ่งพาญี่ปุ่นมากขึ้น เพื่อคงความเป็นพันธมิตรสามเส้าเอาไว้ ทำให้ญี่ปุ่นจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นในเกมอำนาจระหว่างชาติอาเซียนกับจีน และสหรัฐฯ

ในโอกาสนี้ นายกฯ อะเบะ ได้เสนอความร่วมมือด้านเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของดูเตอร์เต ซึ่งถือเป็นการ “ซื้อใจ” ที่ถูกเป้าหมาย และจะทำให้นายกฯ อะเบะ กับประธานาธิบดีปากกล้าแห่งฟิลิปปินส์ รู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น