xs
xsm
sm
md
lg

เก้าอี้มนุษย์ (ตอนที่ 1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คำนำ...เก้าอี้มนุษย์ เรื่องสั้นขนาดยาวที่นำมาเสนอโดยแบ่งเป็น 4 ตอนจบเรื่องนี้เป็นบทประพันธ์ของ เอะโดะงะวะ รัมโปะ (1894-1965) นักประพันธ์นิยายลึกลับนักสืบและนิยายสยองขวัญผู้มีชื่อเสียงในสมัยไทโชช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สองถึงสมัยโชวะ (1926-1989) บทประพันธ์ของรัมโปะเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่นักอ่านชาวญี่ปุ่นเรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ผลงานของเขาได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวางซ้ำหลายครั้งทั้งในรูปของหนังสือ หนังสือการ์ตูน อะนิเมชัน ภาพยนตร์ ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ ฯลฯ และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบัน หนึ่งในผลงานชิ้นเอกที่ปรากฏในสื่อรูปแบบต่าง ๆ ดังกล่าวมาแล้วหลายครั้งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาก็คือ “เก้าอี้มนุษย์” ซึ่งรัมโปะนำคำสารภาพของช่างทำเก้าอี้คนหนึ่งมาถ่ายทอดให้ผู้อ่านร่วมรู้สึกสยองขวัญไปกับเขาทุกตัวอักษร เรื่องราวของ “เก้าอี้มนุษย์” จะขนพองสยองเกล้าเพียงใด อ่านแล้วจะทำให้หวาดระแวงทุกครั้งที่นั่งเก้าอี้หรือไม่เพียงไร เชิญติดตามทุกตัวอักษรที่แปลไว้ด้วยความตื่นระทึก ณ ที่นี้....ฉวีวงศ์ อัศวเสนา ผู้แปล

ตอนที่ 1

ทุกเช้าหลังดูแลส่งสามีออกไปทำงานที่กระทรวงเรียบร้อยซึ่งมักเลยสิบโมงไปแล้ว โยะชิโกะจึงจะได้กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งและเข้าไปหมกตัวอยู่ในห้องเขียนหนังสือในเรือนฝรั่งที่เธอใช้ร่วมกับสามี ตอนนี้เธอกำลังเขียนเรื่องยาวเพื่อลงในนิตยสาร K ฉบับเพิ่มหน้าหนาพิเศษสำหรับฤดูร้อน

นักประพันธ์สตรีโฉมงามผู้นี้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาจนเกือบกล่าวได้ว่ากำลังจะลบรัศมีสามีที่ดำรงตำแหน่งเลขานุการในกระทรวงต่างประเทศ โยะชิโกะได้รับจดหมายจากผู้นิยมชมชอบบางคนดูเหมือนจะถึงกับคลั่งไคล้ผลงานของเธอวันละหลายฉบับแทบทุกวัน

เช้าวันนี้ก็เช่นกัน พอนั่งลงที่โต๊ะทำงานโยะชิโกะก็เอื้อมมือไปที่จดหมายจากคนที่เธอไม่เคยรู้จักเป็นอย่างแรก เพื่ออ่านให้ผ่านสายตาทุกฉบับก่อนที่จะเริ่มทำงาน
สาวสมัยไทโช (1912-1926)
จดหมายเหล่านั้นส่วนใหญ่มีเนื้อหาสาระพื้น ๆ คล้ายคลึงกันไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ความที่เป็นคนมีน้ำใจโอบอ้อมอารีสมเป็นสุภาพสตรี โยะชิโกะคิดว่าเมื่อผู้เขียนตั้งใจเขียนและจ่าหน้าซองส่งมาถึงเธอเช่นนี้ ไม่ว่าจะมีใจความอย่างไรและส่งมาจากใคร เธอจะต้องเปิดอ่านให้ผ่านสายตาทุกฉบับไป

นักประพันธ์สุภาพสตรีโฉมงามเลือกอ่านจดหมายที่มีใจความง่าย ๆ ก่อน และเมื่ออ่านจดหมายใส่ซอง 2 ฉบับ กับไปรษณียบัตรใบหนึ่งเสร็จ ก็เหลือจดหมายฉบับหนึ่งเป็นปึกหนาราวกับต้นฉบับนิยาย ก่อนหน้านี้เคยมีคนที่อยู่ ๆ ก็ส่งต้นฉบับมาให้เธอโดยไม่มีจดหมายแจ้งมาก่อนบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นต้นฉบับที่ยาวยืดยาดน่าเบื่อไปเสียทั้งสิ้น จดหมายที่โยะชิโกะคิดว่าน่าจะเป็นต้นฉบับฉบับนี้ก็เช่นกัน เธอเปิดซองและดึงปึกกระดาษออกมา คิดว่าไหน ๆ ก็อุตส่าห์ส่งมาทั้งทีอย่างน้อยก็ขอดูชื่อเรื่องหน่อยก็แล้วกัน

ต้นฉบับจริงอย่างที่คิดแต่ไม่เห็นมีชื่อเรื่องและไม่ระบุชื่อคนเขียนด้วย อยู่ ๆ ก็เริ่มต้นด้วยคำเรียกว่า “คุณนายครับ” เอ๊ะ หรือว่าจะเป็นจดหมาย โยะชิโกะคิดและขณะที่ไล่สายตาตามตัวอักษรไปสองสามบรรทัดนั้นเองเธอก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างประหลาด และความเป็นคนมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นทำให้เธออ่านต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง

คุณนายครับ

กรุณาให้อภัยที่ผมซึ่งเป็นชายที่คุณนายไม่เคยรู้จักเลยแม้แต่น้อยที่อยู่ ๆ ก็บังอาจส่งจดหมายอันไร้มารยาทฉบับนี้มา ถ้อยคำที่ผมจะกล่าวต่อไปนี้อาจทำให้คุณนายตระหนกตกใจ แต่ขอบอกว่า ณ ขณะนี้ผมกำลังจะสารภาพความผิดที่ได้กระทำต่อหน้าต่อตาคุณ นายตลอดมา การกระทำอันชั่วร้ายที่ประหลาดล้ำอย่างที่ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนในโลกนี้

ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ผมซุกซ่อนตัวตัดขาดจากโลกมนุษย์อย่างสิ้นเชิงใช้ชีวิตราวกับผีปีศาจตัวจริง ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ต้องไม่มีใครสักคนเดียวล่วงรู้ถึงพฤติกรรมของผมแน่นอน และหากไม่เกิดอะไรขึ้นผมก็อาจไม่ได้กลับคืนมาสู่โลกมนุษย์ชั่วนิรันดร์

ทว่า ระยะนี้ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งขึ้นในหัวใจของผม และสำนึกได้ว่าจะต้องสารภาพถึงต้นสายปลายเหตุของการกระทำเลวร้ายที่ตนเองได้ก่อไว้ให้กระจ่างชัดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่การมาพูดให้คุณนายฟังในทำนองนี้มีแต่จะทำให้เกิดความสงสัยมากมายหลายประการ จึงใคร่ขอให้คุณนายอ่านหมายฉบับนี้จนจบ เพื่อจะได้เข้าใจอย่างชัดเจนว่าทำไมผมจึงรู้สึกเช่น นั้นและทำไมถึงต้องมาขอร้องให้คุณนายรับฟังคำสารภาพของผม

เอ...ผมจะเริ่มเขียนจากตรงไหนดี ความที่เป็นเรื่องประหลาดล้ำห่างไกลจากปกติวิสัยของมนุษย์มากเหลือเกิน พอมาเขียนในรูปของจดหมายก็รู้สึกเก้อเขิน พู่กันที่ใช้เขียนตัวอักษรก็ฝืดไม่ลื่นไหล แต่จะมัวละล้าละลังอยู่ก็เห็นจะไม่ได้ที จึงจะขอเรียบเรียงเรื่องราวตั้งแต่เกิดเหตุต่อเนื่องกันไปตามลำดับ
เก้าอี้มนษุย์
ผมเป็นคนหน้าตาน่าเกลียดมาแต่กำเนิด เรื่องนี้ขอให้คุณนายจำเอาไว้ให้ดี เพราะถ้าคุณนายยอมให้ผมได้พบตามคำขออย่างไร้มารยาทเช่นนี้ ผมเองนั่นแหละที่จะเป็นคนทนไม่ได้ที่จะให้คุณนายเห็นหน้าตาที่ปกติก็น่าเกลียดอย่างไม่อยากมองซ้ำอยู่แล้วและยิ่งอัปลักษณ์ขึ้นหลายเท่าจากการใช้ชีวิตตกต่ำย่ำแย่มานานเป็นแรมเดือนแรมปี โดยไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน

ทำไมผมถึงได้เป็นผู้ชายที่มีนิสัยแบบนี้มาแต่กำเนิดก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่หน้าตาอัปลักษณ์ แต่ในใจนั้นร้อนรุ่มสุมไฟกิเลสลุกโพลงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันโดยไม่มีใครรู้ ผมมี “ความฝัน” อันบรรเจิด “ความฝัน” อันหวานหอมและฟุ้งเฟ้อ มากมายนานาประการ โดยไม่เจียมฐานานุรูป ลืมความเป็นจริงว่าตนเองหน้าตาเหมือนผี เป็นแค่ช่างฝีมือที่ยากจนสุดขั้วคนหนึ่งเท่านั้น

ถ้าผมเกิดในครอบครัวที่มั่งคั่งสักหน่อย พลังเงินคงช่วยให้สามารถเที่ยวนั่นเที่ยวนี่สนุกสนานสำราญใจ พอที่จะเบนความทุกข์ไปจากหน้าตาอัปลักษณ์นั้นได้บ้าง ถ้าเกิดมาพร้อมกับมีพรสวรรค์ทางศิลปะ อย่างเช่น สามารถสร้างสรรค์บทกวีไพเราะเพราะพริ้งก็คงจะช่วยให้ลืมความแห้งแล้งและจืดชืดของชีวิตลงได้บ้าง แต่ผมผู้โชคร้ายไม่มีโอกาสได้อาบอิ่มกับความมั่งคั่งหรือพรสวรรค์ใด ๆ เป็นที่น่าเวทนานัก อาศัยงานช่างทำเครื่องเรือนที่สืบทอดมาจากพ่อหาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ นอกนั้นก็ไม่มีรายได้อื่นใด

ผมชำนาญงานด้านการทำเก้าอี้แบบต่าง ๆ เก้าอี้ที่ผมทำขึ้นมานั้นไม่ว่าคนสั่งทำจะเฮี้ยบสักแค่ไหนพอได้ใช้เป็นต้องชอบทุกรายไป บริษัทต่าง ๆ สนใจผมเป็นพิเศษและจะสั่งทำเฉพาะเก้าอี้ที่ใช้งานอย่างเป็นทางการเท่านั้น เมื่อเป็นเก้าอี้ทางการคนสั่งจะงานยาก ๆ เช่นให้สลักลวดลายบนพนักหรือที่เท้าแขน พิถีพิถันกับความนุ่มของเบาะ ความกว้างความหนาและขนาดส่วนต่าง ๆ ของเก้าอี้ตามรสนิยมของแต่ละคน ซึ่งช่างต้องทำตามสั่งด้วยความลำบากลำบนเกินจินตนาการของผู้อยู่นอกวงการ แต่ยิ่งลำบากลำบนเท่าไรความปิติยินดีเมื่องานเสร็จสมบูรณ์ก็จะยิ่งใหญ่อย่างไม่มีใดปาน อาจฟังดูน่าหมั่นไส้แต่ความรู้สึกของผมเมื่อทำเก้าอี้ตัวหนึ่งเสร็จสมบูรณ์นั้นเทียบเทียมกับความปลื้มปิติของศิลปินเมื่อสร้างผลงานอันเลอค่าเสร็จสมบูรณ์เลยทีเดียว

ทุกครั้งเมื่อทำเก้าอี้ตัวหนึ่งเสร็จ ผมจะต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นเป็นอย่างแรกเพื่อทดสอบว่านั่งสบายแค่ไหน นั่นเป็นช่วงเวลาที่ผมรู้สึกภาคภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกในชีวิตที่จืดชืดของช่างทำเก้าอี้จน ๆ เมื่อคิดว่าคนที่จะมานั่งเก้าอี้งามสง่าตัวนี้ต้องเป็นผู้สูงศักดิ์หรือว่าสุภาพสตรีโฉมงามคนใดคนหนึ่ง เพราะคำสั่งทำเก้าอี้ส่วนใหญ่มาจากคฤหาสน์ใหญ่โตดังนั้นเก้าอี้ของผมจะต้องได้รับการจัดวางอย่างเหมาะสมในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา บนผนังประดับภาพเขียนฝีมือจิตรกรเอก จัดระยะห่างกันอย่างได้จังหวะ โคมไฟระย้าแชนเดอเลียร์ห้อยลงมาจากเพดานส่องประกายวิบวับราวอัญมณีแน่นอน พื้นห้องคงดาดด้วยพรมเนื้อนุ่มหนาราคาแพง และบนโต๊ะที่วางไว้หน้าเก้าอี้ตัวนี้คงประดับไว้ด้วยดอกไม้ฝรั่งบานสร่างงดงามตระการตากระจายกลิ่นหอมหวานไปทั่วบริเวณ ขณะที่ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับภาพมายาเช่นนั้น ผมรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเจ้าของห้องอันงามพร้อมด้วยรสนิยมสูงส่งแห่งนั้น แม้เพียงแค่อึดใจเดียวแต่ผมก็ทำให้ผมสุขสันต์หรรษาอย่างที่ไม่อาจพรรณนาได้ด้วยคำคุณศัพท์ใด ๆ

ความเพ้อฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของผมไม่ได้จบสิ้นลงแค่นั้นแต่กลับยืดยาวออกไปจนไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้ ในโลกมายา ผม...ช่างทำเก้าอี้จน ๆ หน้าตาอัปลักษณ์ผู้นี้ คือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ประทับเด่นเป็นสง่าอยู่บนเก้าอี้งดงามเลอค่าที่ผมทำเองกับมือ หญิงงามคนรักของผมที่ผมฝันเห็นทุกเมื่อเชื่อยามนั่งอยู่ข้าง ๆ ฟังผมพูดคุยพลางแย้มสรวลแจ่มใสน่ารัก ไม่ใช่เท่านั้น...ในภาพมายาผมจับมือเธอขึ้นมา และกระซิบพลอดรักด้วยคำหวาน

ทว่าไม่นาน...ความฝันที่เรื่อเรืองด้วยสีม่วงอ่อนละมุนของความสูงศักดิ์ของผมจะมีอันเป็นต้องกระจัดกระจายหายวับไปทุกครั้ง ด้วยเสียงพูดคุยกันดังแสบแก้วหูของพวกแม่บ้าน เสียงเด็กอ่อนแอขี้โรคแถวนั้นกรีดร้องราวบ้าคลั่งที่เข้ามาขัดจังหวะ และเรือนร่างเทาทะมึนของความเป็นจริงอันอัปลักษณ์ก็กลับคืนมาแผ่ประจานอยู่เบื้องหน้าตามเดิม เมื่อกลับสู่ความเป็นจริง ผมประจักษ์ในความอัปลักษณ์อย่างน่าเวทนาของตนเองที่ไม่มีคราบของเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ในความฝันอยู่เลยแม้เพียงกระผีกริ้น และสตรีโฉมงามที่แย้มสรวลกับผมเมื่อกี้นี้เล่า...สิ่งดี ๆ ทั้งหมดนั้นอยู่ที่ไหน แถวนี้แม้แต่สาวเลี้ยงเด็กเนื้อตัวขะมุกขะมอมที่มาวิ่งเล่นกันอยู่ ก็ยังไม่มีใครสักคนหันมาสนใจผม ตอนนี้ผมมีเพียงเก้าอี้ที่ทำมากับมือตัวเดียวที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เหมือนความฝันที่ยังคงรูปเงาอยู่ในใจของผม แต่เก้าอี้ตัวนี้อีกไม่นาน ไม่รู้ว่าเมื่อไรก็คงถูกเคลื่อนย้ายออกไปยังโลกใหม่ที่แตกต่างจากที่นี่อย่างสิ้นเชิงไม่ใช่หรือ
ช่างทำเก้าอี้
ผมมีชีวิตอยู่กับความรู้สึกเช่นนั้นตลอดมา ทุกครั้งที่ทำเก้าอี้เสร็จตัวหนึ่งผมจะถูกจู่โจมด้วยความห่อเหี่ยวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมอยู่กับความอัดอั้นตันใจ รู้สึกไม่ดีอย่างมากจนไม่อาจหาคำคุณศัพท์ใด ๆ มาอธิบายได้ มาหลายวันหลายเดือนเต็มทีจนเริ่มจะทนไม่ไหว

“ถ้าจะมีชีวิตอยู่อย่างหนอนในอาจมต่อไปอย่างนี้ ตายเสียดีกว่า” ผมถึงกับคิดและทำท่าจะเอาจริง ผมคิดเช่นนั้นอยู่อย่างเดียวตลอดเวลาขณะตั้งหน้าตั้งตาใช้สิ่วสกัดไม้ด้วยความประณีต ตอกตะปู ทาสีที่มีกลิ่นรุนแรง อยู่ในโรงทำเก้าอี้

“แต่เดี๋ยวก่อน แต่ถ้าตายไป ถ้าตัดสินใจได้ถึงขนาดนี้จะคิดหาวิธีอื่นไม่ได้เลยหรือ อย่างเช่น...” จากนั้นแนวคิดของผมก็เริ่มเอนเอียงไปในแนวที่น่าหวาดกลัว สยดสยอง เหี้ยมโหดขึ้นตามลำดับ

พอดีกับช่วงนั้นมีคนมาว่าจ้างให้ทำเก้าอี้นั่งเท้าแขนบุหนังขนาดใหญ่อย่างที่ผมไม่เคยทำมาก่อน เพื่อนำไปใช้ในโรงแรมแห่งนั้นที่บริหารกิจการโดยชาวต่างชาติในเมือง Y ที่ผมอาศัยอยู่ ความจริงเก้าอี้ตัวเดียวนั้นผู้บริหารโรงแรมน่าจะสั่งซื้อมาจากประ เทศตนเองได้ไม่ยาก แต่บริษัทที่จ้างผมได้พยายามเจรจาโดยแนะนำว่าที่ญี่ปุ่นก็มีช่างทำเก้าอี้ฝีมือดีไม่แพ้ของนอกอยู่เหมือนกัน จนทางโรงแรมตกลงสั่งให้ทำในที่สุด เมื่อเป็นงานสำคัญขนาดนั้นผมจึงตั้งอกตั้งใจทำอย่างลืมกินลืมนอนเลยทีเดียว ทุ่มเทจิตวิญญาณและรวบรวมสมาธิมุ่งมั่นจริงจังอยู่กับการทำเก้าอี้ตัวนี้

ครับ...พอมองไปยังเก้าอี้ที่ทำเสร็จเรียบร้อยจิตใจของผมก็เปี่ยมล้นไปด้วยความพอใจอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน เก้าอี้กลุ่มนั้นงามสง่าจนแม้แต่ผมเองที่เป็นทำมันขึ้นมากับมือยังอดตื่นตลึงไปกับความสมบูรณ์แบบของมันไม่ได้ ผมยกเก้าอี้หนึ่งในกลุ่ม 4 ตัวไปที่ห้องพื้นไม้กระดานที่รับแสงแดดสว่างเต็มที่ และค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งอย่างที่เคยทำทุกครั้งกับเก้าอี้ที่ทำเสร็จใหม่ ๆ ช่างเป็นเก้าอี้ที่นั่งสบายอะไรอย่างนี้ ความยืดหยุ่นของเบาะกำลังดีไม่นิ่มหรือแข็งเกินไป ผ้าหุ้มเบาะสีเทาดูดีเพราะผมตั้งใจใช้สีเดิมของผ้าโดยไม่ย้อม ส่วนที่บุหนังก็เรียบเนียนเมื่อสัมผัส พนักเก้าอี้เอนให้พิงหลังได้มุมกำลังดี เท้าแขนโค้งเป็นวงสวยแบบบางตรงกลางนูนขึ้นมาให้วางแขนเข้าที่ได้เหมาะเจาะ ทุก ๆ อย่างดูสอดคล้องต้องกันอย่างประหลาด สะท้อนความหมายของคำว่า “สบาย” ออกมาให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน

ผมนั่งฝังตัวลึกลงไปกับเก้าอี้พลางลูบคลำท้าวแขนที่กลมกลึงไปมาด้วยความเคลิบเคลิ้ม และแล้วความเพ้อฝันที่กลายเป็นนิสัยติดตัวผมก็ค่อย ๆ เคลื่อนเข้ามาครอบงำจิตใจ ภาพมายาสีสันจัดจ้าหลากสีราวสีรุ้งพลุ่งขึ้นมาภาพแล้วภาพเล่าอย่างไม่หยุดยั้ง จะว่าภาพหลอนก็ไม่ใช่ เพราะแต่ละภาพปรากฏอยู่ในสายตาชัดเจนจนทำให้ผมรู้สึกหวาดหวั่นว่าตนเองอาจเสียสติไปแล้ว

ระหว่างนั้น ความคิดอันแยบยลก็แวบเข้ามาในสมองของผม ที่เขาเรียกกันว่าเสียงกระซิบของปีศาจอาจจะหมายถึงสิ่งนี้ก็เป็นได้ มันเป็นความคิดที่ประหลาดพิสดารน่าขนลุกที่สุด เป็นเรื่องไร้สาระไม่ผิดอะไรกับความฝัน แต่ความประหลาดน่าขนลุกนั้นกลับมีเสน่ห์ดึงดูดใจผมอย่างบอกไม่ถูก

แต่แรก ผมแค่ไม่อยากปล่อยให้เก้าอี้ที่อุตส่าห์ลงมือลงแรงประดิษฐ์ประดอยอย่างประณีตบรรจงชุดนี้หลุดมือไปเป็นของคนอื่น และถ้าเป็นไปได้ก็อยากติดตามเก้าอี้ไปไม่ว่าจะเป็นแห่งหนตำบลใด แต่ระหว่างที่ความปรารถนาพัดกระพือความเพ้อฝันให้ค่อย ๆ แผ่ขยายปีกของมันกว้างไกลออกไปนั้นเอง มันได้ตกจมลงไปหมักหมมอยู่ในสมองของผมอย่างไม่รู้ตัว และเข้าไปผูกพันแนบแน่นกับความคิดหนึ่งที่น่ากลัวเป็นที่สุด สติของผมช่างวิปลาสไปได้ถึงขนาดตกลงใจทำภาพมายาอันประหลาดพิสดารนั้นให้เป็นความจริงขึ้นมา

(โปรดติดตามตอนต่อไป...)
กำลังโหลดความคิดเห็น