สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปพร้อมกับประชาชนไทยทุกคน ขอร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
プミポン国王陛下崩御の報に接し衷心よりお悔やみ申し上げます。
ช่วงนี้ผมเลือกหัวข้อที่จะนำมาพูดมาเล่ายากมากเลยครับ เพื่อที่จะให้ถูกกาลเทศะ และไม่เสียมารยาทต่อความรู้สึกของทุกคน รวมทั้งผมเองด้วย ผมก็เคยไปงานขาวดำที่ญี่ปุ่นมาบ้าง วันนี้จึงอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังถึงหลักการปฏิบัติเมื่อไปงานศพที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ ผมเคยเล่าเกี่ยวกับพิธีแต่งงานในญี่ปุ่นไป (คลิกอ่านที่ “งานแต่งงานที่ญี่ปุ่น สินสอดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วอะไรล่ะ?”) งานแต่งงานเป็นงานที่ต้องไปแสดงความดีใจซึ่งยังไม่เคร่งและเป็นจริงเป็นจังเท่างานศพ แม้ว่าจะทำเรื่องเพี้ยน ๆ ไปบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่งานขาวดำนั้นจะค่อนข้างซีเรียสมาก ต่อไปขอเรียกว่างานขาวดำตามเพื่อนคนไทยที่สอนผมมาอีกทีนะครับเพื่อให้ฟังสบาย ๆ ขึ้นหน่อย
งานขาวดำที่ญี่ปุ่นเป็นพิธีรีตองที่เคร่งครัดและมีกฎมีมารยาทเยอะมาก ถ้าบังเอิญมีงานแต่งงานและงานขาวดำอีกงานตรงกันพอดี ต้องเลือกไปงานขาวดำก่อนครับ เพราะถ้าไม่ไปงานขาวดำที่ถูกเชิญอาจถูกตำหนิได้ งานขาวดำที่ญี่ปุ่น อาจจะจัดตามแบบของศาสนาที่ตนเองนับถือ อาจจะเป็นแบบพุทธ หรือแบบคริสต์ ซึ่งก็มีรูปแบบแตกต่างกัน เช่น เรื่องดอกไม้จัดประดับงาน แบบพุทธจะใช้ดอกเบญจมาศ ส่วนแบบคริสต์จะใช้ดอกลิลลี่ (ดังนั้น ทำไมมีคนบอกว่าถ้าจีบสาวหรือเยี่ยมไข้อย่าเอาดอกเบญจมาศ หรือดอกลิลลี่ ไปเยี่ยม เดี๋ยวคนป่วยตกใจนะครับ) แต่ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะจัดแบบพุทธ รูปแบบงานอาจจะซับซ้อนถ้าจำไม่ได้จริง ๆ ผมแนะนำว่า อาจจะเดินตามผู้ใหญ่สักคนแล้วทำตามเขาไปก่อน เช่น การจุดเทียน จุดธูป ที่ไหนอย่างไร แต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าห้ามยิ้มเด็ดขาด ทำหน้านิ่ง ๆ ไว้ เราจึงไม่เห็นคนยิ้มแป้นในงานประเภทนี้ในญี่ปุ่นนัก
ตามปกติพนักงานบริษัทญี่ปุ่นจะไม่ค่อยลาหยุดกันเท่าไหร่ อาจจะอยากลาแต่ด้วยสังคมการทำงานทำให้ลายาก ลำบากใจที่จะลา หรือบางคนบ้างานมากจนไม่อยากลาพักเลยก็มี จนกระทั่งมีชาวต่างชาติบอกกันว่าสังคมทำงานญี่ปุ่นเป็นแบบ Economic animal คือ บ้างานมาก ทำงานหาเงินเกินไป เมื่อก่อนตอนที่ผมยังทำงานอยู่เคยมีสาวในแผนกลาพักไปฮันนีมูนเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศเกือบ 10 วัน พอกลับมาก็ถูกที่ทำงานต่อว่านิดหน่อย แบบนี้ด้วยนั่นเองที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าลางาน ไม่ใช่ไม่อยากลานะแต่ไม่กล้า แต่ถ้าใครลาเพราะไปงานขาวดำของญาติแล้วละก็ไม่มีใครว่าครับ ถ้างานขาวดำของคนในครอบครัวอาจลาเป็นสิบ ๆ วันเลยแบบนี้ไม่มีใครว่า ทำให้บางคนหัวหมอใช้เหตุผลเช่นนี้ในการขอลาทุกปี ๆ สิ และความเป็น Economic animal นี่เองทำให้เกิดเล่ห์เหลี่ยมหลายอย่างที่ไม่ได้ไปงานขาวดำเพื่อการแสดงความอาลัยเท่านั้น เช่น คนลักษณะต่าง ๆ ที่ผมจะเล่าถึงนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Economic animal ได้ทั้งหมด
ส่วนเครื่องแต่งกายสำหรับไปงานขาวดำที่ญี่ปุ่นควรแต่งแบบใดกันนะ ..
ทั้งชายและหญิงเป็นไปได้ควรใส่สูทเฉพาะสำหรับงานขาวดำ จะไม่ใช่สูทดำที่ใส่ทำงานตามปกติธรรมดาทั่วไปนะครับ สูทดำล้วนเฉพาะงานพิธีเช่นนี้มีขายทั่วไปตามร้านสูทเลยครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเราเป็นคนต่างชาติไม่ได้มีสูทดำที่เอาไว้เฉพาะงานขาวดำ ก็ใส่สูทดำธรรมดาได้นะครับ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลักษณะบางอย่างของคนญี่ปุ่นในที่ทำงาน บางทีมีคนลักษณะที่ว่าชอบประจบหัวหน้า เพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้เป็นคนโปรดของหัวหน้าหรืออะไรก็ตาม คนประเภทนี้จะเตรียมและทำทุกอย่างเพื่อเอาใจหัวหน้าครับ บางทีถึงขนาดที่ว่าเตรียมสูทดำเฉพาะสำหรับงานขาวดำไว้ที่ทำงาน ถ้าหัวหน้าคนไหนมีงานขาวดำมาเชิญกะทันหันแบบคนอื่นไม่ทันตั้งตัว แต่คนที่บอกว่าเตรียมชุดไว้ตลอดนี่จะออกไปร่วมงานได้ทันที ซึ่งทำให้คะแนนการประจบเจ้านายอัปขึ้นทันที เพราะงานเช่นนี้เป็นทางการ คนมาแสดงความอาลัย ได้ใจหัวหน้า ที่ยกตัวอย่างไปคือเล่าให้เห็นอีกมุมของ Economic animal คนญี่ปุ่นนะครับ
ส่วนสุภาพสตรีก็ต้องเป็นชุดดำสุภาพสำหรับใส่ไปงานขาวดำเช่นกัน อาจจะเป็นแบบกระโปรง หรือ กางเกง ก็ตามสะดวกแต่ต้องเป็นรูปแบบสุภาพ ถ้าเป็นกระโปรงควรสวมถุงน่องดำให้มิดชิด เครื่องประดับกระเป๋ารองเท้าคัตชู ทุกอย่างสีดำอย่างสุภาพ อาจใส่สร้อยมุกสีขาว หรือสีเทาก็ได้ ผ้าเช็ดหน้าก็ต้องหาสีขาวสีดำมาไว้ด้วยครับ
พูดถึงงานขาวดำ หลัก ๆ แล้วควรจะเป็นงานสำหรับการไว้อาลัย การแสดงความเสียใจ การทำบุญให้ผู้เสียชีวิต เเต่ปัจจุบันพวก Economic animal มักจะแฝงไว้กับเรื่องธุรกิจด้วย เช่น พนักงานธนาคารบางคนต้องการหายอดลูกค้าประกัน เขาจะเฝ้าอ่านและติดตามเช็กข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทุกวันเลยว่ามีใครมาลงประกาศเชิญไปงานขาวดำบ้าง แม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็ไปงานครับ ไปร้องไห้เสียใจ แล้วทำบุญอาจจะทำด้วยเงินสัก ห้าพันเยน แล้วคุยกับเจ้าภาพทำนองว่าถ้าได้เงินประกันของผู้เสียชีวิตคืนมาแล้วแนะนำฝากที่ธนาคารของตน เจ้าภาพบางคนรู้ทันก็ปฏิเสธไปบางคนก็โอนอ่อนผ่อนตาม ทำให้หนุ่มนักขายของธนาคารได้ยอดจากการหาลูกค้าไป แต่ถึงจะไม่ได้ลูกค้าแต่หนุ่มนักขายคนนั้นเมื่อได้ของที่ระลึกจากงานขาวดำก็เอาไปเป็นหลักฐานที่บริษัทตนเองว่ามาพบลูกค้าแล้ว เขาก็จะได้เงินคืนจากบริษัทอีก แบบนี้ก็มีนะครับ
มีเรื่องคำพูดที่อาจต้องระมัดระวังเมื่อถูกเชิญไปงานของครอบครัวของเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทนัก แม้ว่าจะไม่ค่อยรู้จักกันแต่ไม่ควรพูดว่า “ใครเสียชีวิตอ้ะ ไม่รู้จัก” แต่อาจเลี่ยงไปพูดว่า “เสียใจด้วย ท่านเสียไวไปนะ” แล้วมีคนบางประเภทอย่างที่บอกไปว่าไปงานเพราะเลี่ยงไม่ได้หรือบางประเภทเพื่อประจบ ครั้งหนึ่งมีงานคุณพ่อของหัวหน้าที่ทำงานแล้วผมได้ยินรุ่นพี่สองคนคุยกันว่า “ไม่อยากไปเลย เสียดายเงิน ต้องเสียค่าเเท็กซี่ไปอีก” ได้ยินแล้วอยากบอกพวกเขามากว่าถ้าเกิดรู้สึกแบบนี้จริง ๆ อย่าไปดีกว่า แต่พอไปถึงพวกเขาก็แสดงสีหน้าปกติ แบบนี้ก็มีเยอะครับ Economic animal คนญี่ปุ่น
แต่งานขาวดำที่ญี่ปุ่นจริง ๆ ค่อนข้างมีระบบระเบียบมาก สิ่งที่ผมเล่าวันนี้จะเป็นแนวนิสัยลักษณะของคนญี่ปุ่นไปซะมากกว่า ถ้าอยู่ในงานแล้วจะทานอาหารที่เขามาเสิร์ฟให้หรือไม่ทานก็ได้ ไม่ถือว่าเสียมารยาท จะทานสาเกที่มีเสิร์ฟในงานก็ได้ไม่ต้องตกใจ เรื่องเครื่องดื่มสาเกต่าง ๆ นี้บางงานก็มีบางงานก็ไม่มีนะครับ แล้วแต่จังหวัดหรือเจ้าของงาน
แม้ว่าจะมีกฎมารยาทมากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือไปแสดงความไว้อาลัยด้วยใจ ดังนั้น มีข้อควรจำอยู่ 3 อย่างครับ คือ
♦ไม่ควรยิ้มร่าเริง
♦ไม่ควรใช้ซองใส่เงินทำบุญผิดประเภท มีแบบอวยพร และแบบสำหรับงานขาวดำ แล้วควรใส่ปากกาเฉพาะที่สำหรับใช้เขียนชื่อหน้าซอง
♦เงินใส่ทำบุญห้ามใช้เงินใหม่ ซึ่งจะต่างจากงานแต่งงานที่ควรใช้แบงก์ใหม่ ๆ นะครับ
เมื่อไปงานแล้วส่วนใหญ่แขกจะได้รับของที่ระลึกที่เจ้าภาพจัดไว้ให้เรียกของนั้นว่า 香典返し Kouden-Gaeshi อาจจะเป็นชา สาหร่าย หรือ บ๊วยดอง หรืออื่น ๆ บางแห่งอาจจะส่งตามมาให้ทีหลังโดยแขกจะเขียนที่อยู่ไว้ให้ อีกอย่างที่จะได้รับกลับคือเกลือในซองกระดาษ ซึ่งเมื่อกลับถึงบ้านแล้วให้ฉีกซองเอาเกลือโปรยที่ไหล่ตัวเองเป็นความเชื่อว่าขับไล่สิ่งชั่วร้าย หรือภูติผีที่อาจตามมา อย่าเผลอเอาไปกินกับไข่ต้มนะครับ วันนี้สวัสดีครับ
プミポン国王陛下崩御の報に接し衷心よりお悔やみ申し上げます。
ช่วงนี้ผมเลือกหัวข้อที่จะนำมาพูดมาเล่ายากมากเลยครับ เพื่อที่จะให้ถูกกาลเทศะ และไม่เสียมารยาทต่อความรู้สึกของทุกคน รวมทั้งผมเองด้วย ผมก็เคยไปงานขาวดำที่ญี่ปุ่นมาบ้าง วันนี้จึงอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังถึงหลักการปฏิบัติเมื่อไปงานศพที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ ผมเคยเล่าเกี่ยวกับพิธีแต่งงานในญี่ปุ่นไป (คลิกอ่านที่ “งานแต่งงานที่ญี่ปุ่น สินสอดไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วอะไรล่ะ?”) งานแต่งงานเป็นงานที่ต้องไปแสดงความดีใจซึ่งยังไม่เคร่งและเป็นจริงเป็นจังเท่างานศพ แม้ว่าจะทำเรื่องเพี้ยน ๆ ไปบ้างก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่งานขาวดำนั้นจะค่อนข้างซีเรียสมาก ต่อไปขอเรียกว่างานขาวดำตามเพื่อนคนไทยที่สอนผมมาอีกทีนะครับเพื่อให้ฟังสบาย ๆ ขึ้นหน่อย
งานขาวดำที่ญี่ปุ่นเป็นพิธีรีตองที่เคร่งครัดและมีกฎมีมารยาทเยอะมาก ถ้าบังเอิญมีงานแต่งงานและงานขาวดำอีกงานตรงกันพอดี ต้องเลือกไปงานขาวดำก่อนครับ เพราะถ้าไม่ไปงานขาวดำที่ถูกเชิญอาจถูกตำหนิได้ งานขาวดำที่ญี่ปุ่น อาจจะจัดตามแบบของศาสนาที่ตนเองนับถือ อาจจะเป็นแบบพุทธ หรือแบบคริสต์ ซึ่งก็มีรูปแบบแตกต่างกัน เช่น เรื่องดอกไม้จัดประดับงาน แบบพุทธจะใช้ดอกเบญจมาศ ส่วนแบบคริสต์จะใช้ดอกลิลลี่ (ดังนั้น ทำไมมีคนบอกว่าถ้าจีบสาวหรือเยี่ยมไข้อย่าเอาดอกเบญจมาศ หรือดอกลิลลี่ ไปเยี่ยม เดี๋ยวคนป่วยตกใจนะครับ) แต่ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นจะจัดแบบพุทธ รูปแบบงานอาจจะซับซ้อนถ้าจำไม่ได้จริง ๆ ผมแนะนำว่า อาจจะเดินตามผู้ใหญ่สักคนแล้วทำตามเขาไปก่อน เช่น การจุดเทียน จุดธูป ที่ไหนอย่างไร แต่ต้องจำไว้อย่างหนึ่งว่าห้ามยิ้มเด็ดขาด ทำหน้านิ่ง ๆ ไว้ เราจึงไม่เห็นคนยิ้มแป้นในงานประเภทนี้ในญี่ปุ่นนัก
ตามปกติพนักงานบริษัทญี่ปุ่นจะไม่ค่อยลาหยุดกันเท่าไหร่ อาจจะอยากลาแต่ด้วยสังคมการทำงานทำให้ลายาก ลำบากใจที่จะลา หรือบางคนบ้างานมากจนไม่อยากลาพักเลยก็มี จนกระทั่งมีชาวต่างชาติบอกกันว่าสังคมทำงานญี่ปุ่นเป็นแบบ Economic animal คือ บ้างานมาก ทำงานหาเงินเกินไป เมื่อก่อนตอนที่ผมยังทำงานอยู่เคยมีสาวในแผนกลาพักไปฮันนีมูนเที่ยวทะเลที่ต่างประเทศเกือบ 10 วัน พอกลับมาก็ถูกที่ทำงานต่อว่านิดหน่อย แบบนี้ด้วยนั่นเองที่ทำให้ไม่ค่อยมีคนกล้าลางาน ไม่ใช่ไม่อยากลานะแต่ไม่กล้า แต่ถ้าใครลาเพราะไปงานขาวดำของญาติแล้วละก็ไม่มีใครว่าครับ ถ้างานขาวดำของคนในครอบครัวอาจลาเป็นสิบ ๆ วันเลยแบบนี้ไม่มีใครว่า ทำให้บางคนหัวหมอใช้เหตุผลเช่นนี้ในการขอลาทุกปี ๆ สิ และความเป็น Economic animal นี่เองทำให้เกิดเล่ห์เหลี่ยมหลายอย่างที่ไม่ได้ไปงานขาวดำเพื่อการแสดงความอาลัยเท่านั้น เช่น คนลักษณะต่าง ๆ ที่ผมจะเล่าถึงนี้ก็เรียกได้ว่าเป็น Economic animal ได้ทั้งหมด
ส่วนเครื่องแต่งกายสำหรับไปงานขาวดำที่ญี่ปุ่นควรแต่งแบบใดกันนะ ..
ทั้งชายและหญิงเป็นไปได้ควรใส่สูทเฉพาะสำหรับงานขาวดำ จะไม่ใช่สูทดำที่ใส่ทำงานตามปกติธรรมดาทั่วไปนะครับ สูทดำล้วนเฉพาะงานพิธีเช่นนี้มีขายทั่วไปตามร้านสูทเลยครับ แต่ผมคิดว่าถ้าเราเป็นคนต่างชาติไม่ได้มีสูทดำที่เอาไว้เฉพาะงานขาวดำ ก็ใส่สูทดำธรรมดาได้นะครับ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับลักษณะบางอย่างของคนญี่ปุ่นในที่ทำงาน บางทีมีคนลักษณะที่ว่าชอบประจบหัวหน้า เพื่อให้ได้เลื่อนตำแหน่งหรือได้เป็นคนโปรดของหัวหน้าหรืออะไรก็ตาม คนประเภทนี้จะเตรียมและทำทุกอย่างเพื่อเอาใจหัวหน้าครับ บางทีถึงขนาดที่ว่าเตรียมสูทดำเฉพาะสำหรับงานขาวดำไว้ที่ทำงาน ถ้าหัวหน้าคนไหนมีงานขาวดำมาเชิญกะทันหันแบบคนอื่นไม่ทันตั้งตัว แต่คนที่บอกว่าเตรียมชุดไว้ตลอดนี่จะออกไปร่วมงานได้ทันที ซึ่งทำให้คะแนนการประจบเจ้านายอัปขึ้นทันที เพราะงานเช่นนี้เป็นทางการ คนมาแสดงความอาลัย ได้ใจหัวหน้า ที่ยกตัวอย่างไปคือเล่าให้เห็นอีกมุมของ Economic animal คนญี่ปุ่นนะครับ
ส่วนสุภาพสตรีก็ต้องเป็นชุดดำสุภาพสำหรับใส่ไปงานขาวดำเช่นกัน อาจจะเป็นแบบกระโปรง หรือ กางเกง ก็ตามสะดวกแต่ต้องเป็นรูปแบบสุภาพ ถ้าเป็นกระโปรงควรสวมถุงน่องดำให้มิดชิด เครื่องประดับกระเป๋ารองเท้าคัตชู ทุกอย่างสีดำอย่างสุภาพ อาจใส่สร้อยมุกสีขาว หรือสีเทาก็ได้ ผ้าเช็ดหน้าก็ต้องหาสีขาวสีดำมาไว้ด้วยครับ
พูดถึงงานขาวดำ หลัก ๆ แล้วควรจะเป็นงานสำหรับการไว้อาลัย การแสดงความเสียใจ การทำบุญให้ผู้เสียชีวิต เเต่ปัจจุบันพวก Economic animal มักจะแฝงไว้กับเรื่องธุรกิจด้วย เช่น พนักงานธนาคารบางคนต้องการหายอดลูกค้าประกัน เขาจะเฝ้าอ่านและติดตามเช็กข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นทุกวันเลยว่ามีใครมาลงประกาศเชิญไปงานขาวดำบ้าง แม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็ไปงานครับ ไปร้องไห้เสียใจ แล้วทำบุญอาจจะทำด้วยเงินสัก ห้าพันเยน แล้วคุยกับเจ้าภาพทำนองว่าถ้าได้เงินประกันของผู้เสียชีวิตคืนมาแล้วแนะนำฝากที่ธนาคารของตน เจ้าภาพบางคนรู้ทันก็ปฏิเสธไปบางคนก็โอนอ่อนผ่อนตาม ทำให้หนุ่มนักขายของธนาคารได้ยอดจากการหาลูกค้าไป แต่ถึงจะไม่ได้ลูกค้าแต่หนุ่มนักขายคนนั้นเมื่อได้ของที่ระลึกจากงานขาวดำก็เอาไปเป็นหลักฐานที่บริษัทตนเองว่ามาพบลูกค้าแล้ว เขาก็จะได้เงินคืนจากบริษัทอีก แบบนี้ก็มีนะครับ
มีเรื่องคำพูดที่อาจต้องระมัดระวังเมื่อถูกเชิญไปงานของครอบครัวของเพื่อนที่ไม่ค่อยสนิทนัก แม้ว่าจะไม่ค่อยรู้จักกันแต่ไม่ควรพูดว่า “ใครเสียชีวิตอ้ะ ไม่รู้จัก” แต่อาจเลี่ยงไปพูดว่า “เสียใจด้วย ท่านเสียไวไปนะ” แล้วมีคนบางประเภทอย่างที่บอกไปว่าไปงานเพราะเลี่ยงไม่ได้หรือบางประเภทเพื่อประจบ ครั้งหนึ่งมีงานคุณพ่อของหัวหน้าที่ทำงานแล้วผมได้ยินรุ่นพี่สองคนคุยกันว่า “ไม่อยากไปเลย เสียดายเงิน ต้องเสียค่าเเท็กซี่ไปอีก” ได้ยินแล้วอยากบอกพวกเขามากว่าถ้าเกิดรู้สึกแบบนี้จริง ๆ อย่าไปดีกว่า แต่พอไปถึงพวกเขาก็แสดงสีหน้าปกติ แบบนี้ก็มีเยอะครับ Economic animal คนญี่ปุ่น
แต่งานขาวดำที่ญี่ปุ่นจริง ๆ ค่อนข้างมีระบบระเบียบมาก สิ่งที่ผมเล่าวันนี้จะเป็นแนวนิสัยลักษณะของคนญี่ปุ่นไปซะมากกว่า ถ้าอยู่ในงานแล้วจะทานอาหารที่เขามาเสิร์ฟให้หรือไม่ทานก็ได้ ไม่ถือว่าเสียมารยาท จะทานสาเกที่มีเสิร์ฟในงานก็ได้ไม่ต้องตกใจ เรื่องเครื่องดื่มสาเกต่าง ๆ นี้บางงานก็มีบางงานก็ไม่มีนะครับ แล้วแต่จังหวัดหรือเจ้าของงาน
แม้ว่าจะมีกฎมารยาทมากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือไปแสดงความไว้อาลัยด้วยใจ ดังนั้น มีข้อควรจำอยู่ 3 อย่างครับ คือ
♦ไม่ควรยิ้มร่าเริง
♦ไม่ควรใช้ซองใส่เงินทำบุญผิดประเภท มีแบบอวยพร และแบบสำหรับงานขาวดำ แล้วควรใส่ปากกาเฉพาะที่สำหรับใช้เขียนชื่อหน้าซอง
♦เงินใส่ทำบุญห้ามใช้เงินใหม่ ซึ่งจะต่างจากงานแต่งงานที่ควรใช้แบงก์ใหม่ ๆ นะครับ
เมื่อไปงานแล้วส่วนใหญ่แขกจะได้รับของที่ระลึกที่เจ้าภาพจัดไว้ให้เรียกของนั้นว่า 香典返し Kouden-Gaeshi อาจจะเป็นชา สาหร่าย หรือ บ๊วยดอง หรืออื่น ๆ บางแห่งอาจจะส่งตามมาให้ทีหลังโดยแขกจะเขียนที่อยู่ไว้ให้ อีกอย่างที่จะได้รับกลับคือเกลือในซองกระดาษ ซึ่งเมื่อกลับถึงบ้านแล้วให้ฉีกซองเอาเกลือโปรยที่ไหล่ตัวเองเป็นความเชื่อว่าขับไล่สิ่งชั่วร้าย หรือภูติผีที่อาจตามมา อย่าเผลอเอาไปกินกับไข่ต้มนะครับ วันนี้สวัสดีครับ