จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
4
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสามปีเห็นจะได้
บ่ายวันหนึ่ง บ้านของสุภาพบุรุษนักสืบอัจฉริยะชินจูโร ยูกิที่คะงุระซะกะได้ต้อนรับหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง หล่อนคือนางคินเมียของยะโซะคิจิ นักดำน้ำมือหนึ่งในคาบสมุทรด้านใต้ของเมืองหลวงนั่นเอง ตามปกติที่บ้านของชินจูโรจะมีคนสามคนที่นิสัยใจคอและรูปสมบัติคุณสมบัติไม่ซ้ำแบบกันมาสิงสู่อยู่เป็นประจำอย่างไม่มีใครลงรอยกับใคร เมื่อมีคดีสืบสวนต่างคนต่างปวารณาตนเป็นผู้ช่วยอย่างแข็งขันแม้ชินจูโรจะไม่แสดงทีท่าว่าต้องการให้ช่วยก็ตาม นางคินเจอคนท่าทางประหลาด ๆ คละกันไปทั้งกลุ่มอยู่เป็นด่านหน้าเข้าอย่างนี้ก็ชักใจเสีย แต่ครั้นตรองดูให้ดีก็พอเข้าใจได้ว่าที่นี่คือสำนักของชินจูโร ยูกินักสืบผู้ยิ่งใหญ่ มีคดีร้อยแปดให้ต้องสืบสวนจึงไม่แปลกที่จะต้องมีผู้ช่วยที่มีความชำนาญต่างกันไปแต่ละแขนง นางจึงเริ่มเกริ่นขึ้นด้วยความมั่นใจว่า
“ก่อนอื่นดิฉันขอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วให้ท่านเข้าใจไว้ชั้นหนึ่งก่อนนะเจ้าคะ” แล้วก็เปิดเผยความลับของเรือ“โชริวมะรุ” ออกมาทั้งหมด
“ที่ดิฉันมาวันนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นหรอกเจ้าค่ะ นอกจากจะมาเรียนท่านว่าดิฉันเดือดร้อนมาก เพราะหลังจากกลับจากการเดินเรือเผชิญโชคครั้งนั้น เวลาดิฉันไม่อยู่บ้านจะมีใครไม่รู้เข้ามารื้อข้าวของดิฉันจนกระจุยกระจาย จนถึงทุกวันนี้โดนครั้งร้ายแรงมาห้าหกครั้งไม่นับที่เล็ก ๆ น้อย ๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน มันทำแบบเดียวกันทุกครั้งเจ้าค่ะ รื้อค้นตั้งแต่หลังตู้พระไปจนถึงก้นถังใส่ข้าวสารแต่ก็ไม่ได้ขโมยเอาอะไรไปสักอย่าง เท่าที่ดิฉันคิดออกด้วยสมองน้อย ๆ ของตัวเองก็พอจะเข้าใจเจ้าค่ะว่าต้องมีใครสักคนพยายามหาไข่มุกที่ถูกขโมยไปจาก “โชริวมะรุ” ตอนเกิดเรื่องใหม่ ๆ ดิฉันไปถามแม่โทะกุกับนายมะสึแต่สองคนนั่นบอกว่าทางเขาไม่มีอะไรแบบนั้น ก็เลยได้แต่สงสัยตลอดมาว่าทำไมถึงโดนค้นบ้านอยู่คนเดียว คิดว่าถ้าผัวดิฉันยังอยู่ไม่หายสาบสูญไปอย่างนี้ คงไม่มีใครกล้าเข้ามาค้นบ้านเราแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ ดิฉันกำลังเหลืออดอยู่พอดีก็ได้รับหนังสือนี่เจ้าค่ะ”
นางคินดึงจดหมายฉบับหนึ่งที่นางเหน็บไว้ที่แถบผ้าคาดเอวออกมาส่งให้นักสืบรูปงาม
จดหมายฉบับนั้นส่งมาจากยะมะโตะพ่อครัวประจำเรือ“โชริวมะรุ” บอกว่าอยากให้นางมาร่วมประชุมสืบหาตัวคนฆ่ากัปตันริเฮที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านชิมบะชิ คนที่รับปากว่าจะมาในวันนั้นคือ อิมะมุระ ล่ามประจำเรือ ลูกเรือคือ อิงะระชิกันคินตะ ทะเคะโซ, มะสึกับโทะกุนางเมีย และตนเองรวม 7 คน สำหรับคนที่อยู่ไกลจะช่วยออกค่ารถ วันนัดประชุมสืบหาฆาตกรตัวจริงใกล้เข้ามาทุกทีจนจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว

“อิฉันได้รับจดหมายราวอาทิตย์หนึ่งก่อนหน้านี้ คิดไม่ตกว่าจะไปดีหรือไม่ดีจนกระทั่งเมื่อวานนี้จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องมาขอความกรุณาให้ท่านช่วยสืบหาคนฆ่ากัปตันริเฮตัวจริงให้ชัดเจนแจ่มแจ้งเสียที ผัวอิฉันที่หายตัวไปอาจถูกฆ่าตายไปพร้อมกับกัปตันก็ได้ แล้วยังคนที่มารังควาญรื้อค้นบ้านอิฉันอีก อยากรู้เหลือเกินว่ามันคือใคร ทีแรกอิฉันก็ลังเลอยู่เหมือนกันที่จะเอาความลับทั้งหมดมาเปิดเผย คิดว่ามันไม่ดีกับคนอื่น แต่พอเห็นเขาทำจดหมายเรียกกันมาร่วมสืบหาฆาตกรกันแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามันยังไง ๆ อยู่ก็เลยคิดว่าคงไม่ต้องเกรงใจกัน”
“แล้วนี่มะสึกับนายเรือทะเกะโซจะมาด้วยไหม”
“เอ อิฉันก็ไม่ได้ถามนะเจ้าคะ เพราะหลัง ๆ นี่ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน”
“เหตุเกิดตั้งเกือบ 4 ปีมาแล้วอย่างนี้คงจะสืบยาก ฉันจะตามไปฟังความกับหล่อน แต่จะให้ไปแสดงตัวคงไม่เหมาะแน่พวกนั้นก็คงจะปิดปากเงียบกันไปหมดไม่ได้เรื่องกันพอดี เอาอย่างนี้ เราจะไปซุ่มฟังเขาสนทนากันในห้องข้าง ๆ ส่วนหล่อนก็อย่าทำอะไรเป็นพิรุธให้พวกเขาจับได้ว่าเราแอบฟังอยู่ก็แล้วกัน แล้วก็ไม่ต้องถามนำให้ใครเผยความลับอะไรที่คิดว่าเราคงอยากรู้ ปล่อยให้เขาสนทนากันไปตามปกติ เข้าใจนะ”
ว่าแล้วชินจูโรก็ออกไปยังสถานที่ที่เขานัดพบกันด้วยตนเอง พบกับเจ้าของร้านแล้วขอให้ช่วยเตรียมห้องให้ตามแผน เจ้าของร้านดีใจที่สุภาพบุรุษนักสืบมีชื่อเสียงมาเยือนถึงร้านจึงกุลีกุจออำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี เปิดห้องให้เลือกเอาตามความพอใจ
วันรุ่งขึ้น ชินจุโรกับคณะพรรคพากันไปยังสถานที่นัดพบเร็วกว่าเวลาที่กำหนดเล็กน้อย ทำทีเป็นลูกค้าทั่วไปสั่งอาหารเบา ๆ มารับประทานคุมเชิงอยู่
พอได้เวลา บุคคลเป้าหมายก็ทยอยเข้ามาในห้องข้าง ๆ นั้นทีละคนสองคน อิงะระชิกับ คินตะลูกเรือ นักดำน้ำมะสึ นายเรือทะเกะโซ และนางคิน 5 คนมาถึงไล่ ๆ กัน เหลือแต่อิมะมุระล่ามกับยะมะโตะพ่อครัวที่เป็นตัวตั้งตัวทีเท่านั้นที่รอเท่าไรก็ไม่มาสักที อิงะระชิพูดเสียงดัง
“ฉันว่าแล้ว ยะมะโตะดูใจดีเกินเหตุที่อยู่ ๆ ก็เรียกพวกเรามาฟังเรื่องฆาตกรแบบนี้ ฟังดูทะแม่ง ๆ ชอบกลมาตั้งแต่ต้น ถ้านายพ่อครัวนั่นบอกฉันว่าใครฆ่าจริง ๆ ฉันจะได้ไปให้ขูดรีดแบล็คเมล์เจ้าฆาตกรนั่นให้หนำใจทีเดียว แต่นี่รอตั้งสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่โผล่หัว สงสัยว่าจะมีอะไร ๆ เสียแล้ว” นักเลงลูกทะเลนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วถามโพล่งออกมาว่า
“ถามหน่อยเถอะ มีใครรู้เบาะแสบ้างไหมว่าคนฆ่ากัปตันริเฮคือใคร”
ไม่มีใครตอบ
“ใช่ไหม ฉันเองก็นึกไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกัน งั้นถามอีกข้อหนึ่ง มีใครบ้างไหมที่คิดว่ายะมะโตะรู้ว่าใครฆ่า”
คินตะเป็นคนให้คำตอบ
“ฉันลำบากใจมากที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ตรงนี้ นายพ่อครัวเคยมาคาดคั้นให้ฉันเล่าเรื่องราววันเกิดเหตุ ฉันก็เล่าไปตามที่รู้ แต่นั่นไม่ใช่ฉันจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกรหรอกนะ ฉันน่ะใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นนักดื่มคออ่อนแค่ไหน คืนวันนั้นดื่มเข้าไปไม่เท่าไรก็รู้สึกอึดอัดจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าที่มืดสนิทแล้วก็เคลิ้มหลับไป นอนอยู่ ดี ๆ ฉันรู้สึกเหมือนมีใครเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นจึงลืมตาตื่น มองออกไปข้างหน้าเห็นผู้ชายสองคนเดินออกมาจากห้องใหญ่ทางด้านโน้น ยังไม่ทันเห็นว่าใครก็ได้ยินเสียงอุทานเบา ๆ และคนหนึ่งตกลงไปในทะเล ส่วนอีกคนยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าเป็นคนผลักตกลงไปหรือว่าพลัดตกลงไปเอง ตรงนั้นมืดมาก ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร เพราะวันนั้นท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้มไม่มีแสงจันทร์เลยด้วย ที่ฉันรู้แน่ ๆ ก็คือสองคนนั่นเดินออกจากห้องใหญ่ที่กำลังครื้นเครงกันสุดเหวี่ยงเดินไปตามเรียบลูกกรงไปตามทางเดิน และหลังจากคนหนึ่งตกทะเลไปแล้วคนที่เหลือเดินลงไปทางห้องกัปตัน ต่อมาถึงได้รู้ว่าคนที่ตกทะเลไปคือเจ้าคิจินักดำน้ำเพราะไม่มีคนอื่นหายไปนอกจากมันคนเดียว แต่อีกคนไม่รู้ใคร
“เรื่องที่เจ้ารู้น่ะสำคัญมากเลยนะ ฟังแล้วเข้าใจเลยว่า ชายคนที่เหลืออยู่นั้นต้องเป็นนายอิมะมุระแน่ ๆ” อิงะระชิทำท่าจริงจัง
“แต่มันมีพยานว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่เขา เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นตอนฉันลืมตาตื่นขึ้นมานั้นคนอื่น ๆ ยังนอนอยู่ ก็เลยลงไปดูหน้าพวกมันเสียหน่อย พบนายอิมะมุระนอนปนอยู่กับพวกเราในห้องนั้น จำได้ว่านายเรือทะเกะโซก็นอนอยู่ด้วย”

เงียบกันไปนิดหนึ่ง มะสึพูดออกมาด้วยเสียงเบาเหมือนกระซิบ
“อือม์ ถ้างั้นคนที่อยู่นอนในห้องเดี่ยวก็มีฉันคนเดียวน่ะซี นายจะบอกว่าฉันเป็นฆาตกรอย่างนั้นรึ บ้ารึเปล่า อย่างแรกสุดคือคืนนั้นฉันนอนหลับไปโดยไม่ได้กินเหล้าสักหยด ไม่ได้โผล่ไปที่ห้องใหญ่เลยด้วย มีใครเห็นฉันออกจากไปจากห้องงั้นรึ ถ้ามีก็ไปเรียกมายันกันได้เลย”
“ใจเย็น ๆ ไม่มีใครบอกว่านายเป็นฆาตกรสักหน่อย” คนที่พูดปลอบคืออิงะระชิ “แค่นี้ก็อ่านออกละ พ่อครัวยะมะโตะเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมรอบตัว ถ้ามันรู้เห็นว่านายอิมะมุระล่ามคนดีนั่นฆ่ากัปตัน มันก็จะต้องทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดแบล็คเมล์นานนั่นแน่ ๆ เพราะที่ผ่านมาได้ยินมาว่าชีวิตมันจะตกต่ำย่ำแย่ และคณะพรรคที่ไปกับเรือโชริวมะรุเที่ยวนั้น มีอิมะมุระคนเดียวเท่านั้นที่เจริญก้าวหน้า ดูเหมือนจะเป็นประธานบริษัทค้าขายกับต่างประเทศตั้งอยู่ที่ตำบลชิบะนั่นแน่ะ แล้วนี่อยู่ ๆ เจ้าพ่อครัวยะมะโตะก็ลุกขึ้นมาทำอะไรประหลาด ๆ อย่างนี้ จะว่ามันมีหลักฐานมามัดตัวนายล่ามอิมะมุระให้สารภาพก็ไม่น่าใช่ หรือใครว่าไง”
“นั่นนะซีมันแปลก ๆ อยู่ ฉันจำได้ว่าได้ยินเจ้าคิจิจะกลับลงมาจากดาดฟ้า” มะสึหนุ่มนักดำน้ำเสริมขึ้น “ราว ๆ สามหรือสี่ทุ่มแน่ ๆ ที่คินตะได้ยินเสียงมันตกทะเลไปนั่นน่าจะเป็นตอนเช้านะ”
“เป็นไปไม่ได้ หลังเกิดเหตุฉันกลับไปที่ห้องใหญ่อีก ตอนนั้นไอ้พวกคออ่อนพับไปสักครึ่งหนึ่งได้ ที่เหลือกำลังบ้ากันเต็มที่ ตอนนั้นก็ประมาณสามทุ่มครึ่งหรือสี่ทุ่มเห็นจะได้”
“แล้วตอนนั้นนายเห็นอิมะมุระอยู่ในห้องใหญ่รึเปล่า”
“ตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตเสียด้วย ที่แน่ ๆ คือมันกำลังเมากันสุดเหวี่ยงเอะอะด่าทอกันเหมือนคนบ้า ไอ้ที่เมาแล้วก็นอนแผ่บ้างก่ายเกยกันบ้าง แสงเทียนก็ริบหรี่มองอะไรไม่เห็น ฉันก็เดินหลีก ๆ มันเข้าไปนอนที่มุมห้องแล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง”
“ทั้ง ๆ ที่เห็นคนตกทะเลไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นน่ะนะ สมกับที่ใคร ๆ เขาเรียกแกว่าไอ้ทึ่มซึมกะทือเลยจริง ๆ” อิงะระชิทำท่าอ่อนใจ
“นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูด ฉันเห็นนายคนนั้นเขาเดินไปทางห้องกัปตัน ก็เลยคิดน่ะซีว่าเขาต้องไปแจ้งเหตุแน่ ขืนชั้นไปเกะกะอยู่แถวนั้นเดี๋ยวก็ได้พลอยโดนจับติดร่างแหไปเปล่า ๆ ก็เลยรีบเลี่ยงกลับมานอนหลับที่ห้องใหญ่น่ะซี”
ตรงนี้เองที่มะสึซึ่งนั่งฟังความอยู่นานเอ่ยถามนางคินขึ้นมาว่า
“ฉันขอถามแม่คินสักหน่อยเถอะ ว่าเจ้าคิจิมันกลับห้องมาครั้งหนึ่งเมื่อราวสี่ทุ่มหรือเปล่า แต่ที่ฉันรู้แน่ ๆ คือมันกลับเข้ามานะหล่อน”
“ไม่จ้ะ ไม่ได้กลับเข้ามา จะบอกว่าถึงพี่เขาจะกลับมาฉันก็ไม่รู้เพราะหลับไปแล้วก็ได้ แต่ตอนเช้าตื่นขึ้นมาดูก็รู้ เพราะไม่มีร่องรอยอะไรเลยที่บอกว่าพี่กลับห้อง”
“ไม่ละมัง ต้องมีคนเข้าไปในห้องหล่อนแน่ เพราะฉันได้ยินกับหูนี่เลย”
“เข้าห้องผิดละมัง”
“ไม่มีทาง ห้องนอนฉันติดกับห้องกัปตันและตรงข้ามกับห้องหล่อน และห้องอิมะมุระอยู่ข้างห้องหล่อน ประตูห้องก็อยู่ห่างกัน เรื่องเข้าผิดห้องคงไม่มี”
“ฟังแล้วขนลุกเลยนะนี่ ใครกันที่เข้ามาตอนที่ฉันกำลังหลับไม่รู้เรื่องอย่างนั้น”
“แปลก ลองคิดดูว่านั่นอาจเป็นอิมะมุระ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเข้าไปทำไม”
“แล้วคน ๆ นั้นเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากได้ยินเสียงของเจ้านั่นในห้องหล่อนไม่นานฉันก็หลับไป แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือชายคนนั้นลงมาจากดาดฟ้าแล้วตรงไปที่ห้องกัปตัน อยู่ในนั้นราว 30 นาทีแล้วก็ไปที่ห้องหล่อน”
“เขาเข้าไปทำอะไรที่ห้องกัปตัน”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเพราะไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูดจากันและก็จับเสียงความเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ถึงว่าจะเกิดฆาตกรรมกันเกิดขึ้นในห้องนั้น” มะสึลงท้ายด้วยเสียงขรึม นางคินสวนคำเสียงแหลม
“อะไรนะ ขนาดมีคนถูกฆ่าข้างห้องยังบอกว่าได้รึว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ข้างฝาก็แค่กระดานไม้แผ่นเดียวกั้นแค่นั้น”
“เวลามันจะไม่ได้ยินมันก็ไม่ได้ยินหรอกหล่อนจะมาเอาอะไรกับฉัน แต่คนที่เข้าไปในห้องหล่อนน่ะไม่ใช่ผีหรอกใช่ไหม ตรงนี้ต่างหากที่เข้าใจยาก”

“พอได้แล้ว” อิงะระชิลูกเรือร่างใหญ่ขัดขึ้น “เถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมา แล้วนี่เราจะมานั่งคอยนายยะมะโมะโตะ กับนาย อิมะมุระกันอยู่อย่างนี้น่ะรึ ฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อนละ วันนี้มันเป็นวันอะไรของมันนะ บ้าบอเต็มทน” ว่าแล้วก็เดินดุ่ม ๆ กลับออกไป ที่เหลืออยู่สี่คนหันหน้าเข้าปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกัน และในที่สุดก็ตกลงแยกย้ายกันกลับก่อน สุภาพบุรุษนักสืบชินจูโรซุ่มฟังรอจังหวะอยู่นานแล้วจึงเลื่อนประตูกั้นห้องก้าวออกมาแสดงตัว
“ท่านทั้งหลายกรุณารอสักครู่” ชายหนุ่มแนะนำตัวสั้น ๆ แล้วบอกว่า “พรุ่งนี้ประมาณเที่ยง ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งจะได้ไหม ครั้งนี้ผมตั้งใจจะมาเป็นพิธีกรสืบหาตัวคนฆ่ากัปตันริเฮเอง
การปรากฏตัวอย่างไม่คาดหมายของชินจูโรทำให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่พอรู้ว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นนักสืบอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงขจรขจายก็ค่อยคลายใจร่วมมือตอบคำถามของนักสืบเอกโดยดีว่าคืนนี้จะพักกันที่ไหน มะสึนักดำน้ำหนุ่มใหญ่ทำท่าไม่พอใจบอกว่า
“ท่านเรียกเราแค่สี่คนมาคุยมันจะได้เรื่องอะไร แล้วอีกอย่างทำไมท่านถึงไม่เรียกเจ้าอิงะระชินั่นมาด้วย ปล่อยมันกลับไปทำไมล่ะขอรับ”
“ไม่จำเป็นต้องให้มา แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่านายนั่นจะไปไหน เขาจะไปแบล็คเมล์นายอิมะมุระที่ชิบะยังไงเล่า”
“แหมช่างเก่งกาจเสียจริง ทำไมไม่ไปจับมันเป็นผู้ร้ายฐานขู่กรรโชกเสียเลยล่ะขอรับ” เจ้ามะสึทำเสียงประชด
“ขอบใจที่ชม แต่นายอิงะระชิไม่มีหลักฐานพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือแบล็คเมล์ใครเขาได้หรอก ผมจะขอให้นายอิงะระชิ นายอิมะมุระและนายยะมะโตะมาประชุมกันพรุ่งนี้พร้อมกับพวกคุณ ต้องมาให้ได้นะครับ” พอสั่งเสร็จนักสืบเอกก็เชิญให้ทั้งหมดกลับไปได้ นางคินเป็นคนฉลาดรู้มันคน หล่อนทำเป็นไม่รู้จักชินจูโรและคณะตลอดเวลาที่นัดหมายกัน โทระนักดาบร่างใหญ่หนึ่งในคณะนักสืบตั้งท่าคัดค้านทันทีเมื่อเห็นชินจูโรรับปากสืบหาฆาตกรเรือเผชิญโชค“โชริวมะรุ”คดีนี้
“พรุ่งนี้คุณจะรู้ตัวคนร้ายเลยรึ”
“คิดว่าพอจะรู้แล้วละ”
“ไข่มุกเม็ดใหญ่จะกลับคืนมาด้วยไหม”
“ผมยังไม่รู้ลึกถึงขนาดนั้น ไข่มุกลึกลับขนาดนายยะมะโมะโตะตาไวราวกับลิงจับหมัดขนาดนั้นยังหาไม่พบ แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมขอตัวแค่นี้ก่อนนะครับ”
“อ้าว จะไปไหนล่ะคุณ”
“จะไปสืบเรื่องพ่อหนุ่มนักดำน้ำสักหน่อย ลาละครับ
(โปรดติดตามตอนต่อไป......)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์
4
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสามปีเห็นจะได้
บ่ายวันหนึ่ง บ้านของสุภาพบุรุษนักสืบอัจฉริยะชินจูโร ยูกิที่คะงุระซะกะได้ต้อนรับหญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง หล่อนคือนางคินเมียของยะโซะคิจิ นักดำน้ำมือหนึ่งในคาบสมุทรด้านใต้ของเมืองหลวงนั่นเอง ตามปกติที่บ้านของชินจูโรจะมีคนสามคนที่นิสัยใจคอและรูปสมบัติคุณสมบัติไม่ซ้ำแบบกันมาสิงสู่อยู่เป็นประจำอย่างไม่มีใครลงรอยกับใคร เมื่อมีคดีสืบสวนต่างคนต่างปวารณาตนเป็นผู้ช่วยอย่างแข็งขันแม้ชินจูโรจะไม่แสดงทีท่าว่าต้องการให้ช่วยก็ตาม นางคินเจอคนท่าทางประหลาด ๆ คละกันไปทั้งกลุ่มอยู่เป็นด่านหน้าเข้าอย่างนี้ก็ชักใจเสีย แต่ครั้นตรองดูให้ดีก็พอเข้าใจได้ว่าที่นี่คือสำนักของชินจูโร ยูกินักสืบผู้ยิ่งใหญ่ มีคดีร้อยแปดให้ต้องสืบสวนจึงไม่แปลกที่จะต้องมีผู้ช่วยที่มีความชำนาญต่างกันไปแต่ละแขนง นางจึงเริ่มเกริ่นขึ้นด้วยความมั่นใจว่า
“ก่อนอื่นดิฉันขอเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 4 ปีที่แล้วให้ท่านเข้าใจไว้ชั้นหนึ่งก่อนนะเจ้าคะ” แล้วก็เปิดเผยความลับของเรือ“โชริวมะรุ” ออกมาทั้งหมด
“ที่ดิฉันมาวันนี้ก็ไม่มีเรื่องอื่นหรอกเจ้าค่ะ นอกจากจะมาเรียนท่านว่าดิฉันเดือดร้อนมาก เพราะหลังจากกลับจากการเดินเรือเผชิญโชคครั้งนั้น เวลาดิฉันไม่อยู่บ้านจะมีใครไม่รู้เข้ามารื้อข้าวของดิฉันจนกระจุยกระจาย จนถึงทุกวันนี้โดนครั้งร้ายแรงมาห้าหกครั้งไม่นับที่เล็ก ๆ น้อย ๆ อีกนับครั้งไม่ถ้วน มันทำแบบเดียวกันทุกครั้งเจ้าค่ะ รื้อค้นตั้งแต่หลังตู้พระไปจนถึงก้นถังใส่ข้าวสารแต่ก็ไม่ได้ขโมยเอาอะไรไปสักอย่าง เท่าที่ดิฉันคิดออกด้วยสมองน้อย ๆ ของตัวเองก็พอจะเข้าใจเจ้าค่ะว่าต้องมีใครสักคนพยายามหาไข่มุกที่ถูกขโมยไปจาก “โชริวมะรุ” ตอนเกิดเรื่องใหม่ ๆ ดิฉันไปถามแม่โทะกุกับนายมะสึแต่สองคนนั่นบอกว่าทางเขาไม่มีอะไรแบบนั้น ก็เลยได้แต่สงสัยตลอดมาว่าทำไมถึงโดนค้นบ้านอยู่คนเดียว คิดว่าถ้าผัวดิฉันยังอยู่ไม่หายสาบสูญไปอย่างนี้ คงไม่มีใครกล้าเข้ามาค้นบ้านเราแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ ดิฉันกำลังเหลืออดอยู่พอดีก็ได้รับหนังสือนี่เจ้าค่ะ”
นางคินดึงจดหมายฉบับหนึ่งที่นางเหน็บไว้ที่แถบผ้าคาดเอวออกมาส่งให้นักสืบรูปงาม
จดหมายฉบับนั้นส่งมาจากยะมะโตะพ่อครัวประจำเรือ“โชริวมะรุ” บอกว่าอยากให้นางมาร่วมประชุมสืบหาตัวคนฆ่ากัปตันริเฮที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านชิมบะชิ คนที่รับปากว่าจะมาในวันนั้นคือ อิมะมุระ ล่ามประจำเรือ ลูกเรือคือ อิงะระชิกันคินตะ ทะเคะโซ, มะสึกับโทะกุนางเมีย และตนเองรวม 7 คน สำหรับคนที่อยู่ไกลจะช่วยออกค่ารถ วันนัดประชุมสืบหาฆาตกรตัวจริงใกล้เข้ามาทุกทีจนจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว
“อิฉันได้รับจดหมายราวอาทิตย์หนึ่งก่อนหน้านี้ คิดไม่ตกว่าจะไปดีหรือไม่ดีจนกระทั่งเมื่อวานนี้จึงตัดสินใจเด็ดขาดว่าต้องมาขอความกรุณาให้ท่านช่วยสืบหาคนฆ่ากัปตันริเฮตัวจริงให้ชัดเจนแจ่มแจ้งเสียที ผัวอิฉันที่หายตัวไปอาจถูกฆ่าตายไปพร้อมกับกัปตันก็ได้ แล้วยังคนที่มารังควาญรื้อค้นบ้านอิฉันอีก อยากรู้เหลือเกินว่ามันคือใคร ทีแรกอิฉันก็ลังเลอยู่เหมือนกันที่จะเอาความลับทั้งหมดมาเปิดเผย คิดว่ามันไม่ดีกับคนอื่น แต่พอเห็นเขาทำจดหมายเรียกกันมาร่วมสืบหาฆาตกรกันแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามันยังไง ๆ อยู่ก็เลยคิดว่าคงไม่ต้องเกรงใจกัน”
“แล้วนี่มะสึกับนายเรือทะเกะโซจะมาด้วยไหม”
“เอ อิฉันก็ไม่ได้ถามนะเจ้าคะ เพราะหลัง ๆ นี่ไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน”
“เหตุเกิดตั้งเกือบ 4 ปีมาแล้วอย่างนี้คงจะสืบยาก ฉันจะตามไปฟังความกับหล่อน แต่จะให้ไปแสดงตัวคงไม่เหมาะแน่พวกนั้นก็คงจะปิดปากเงียบกันไปหมดไม่ได้เรื่องกันพอดี เอาอย่างนี้ เราจะไปซุ่มฟังเขาสนทนากันในห้องข้าง ๆ ส่วนหล่อนก็อย่าทำอะไรเป็นพิรุธให้พวกเขาจับได้ว่าเราแอบฟังอยู่ก็แล้วกัน แล้วก็ไม่ต้องถามนำให้ใครเผยความลับอะไรที่คิดว่าเราคงอยากรู้ ปล่อยให้เขาสนทนากันไปตามปกติ เข้าใจนะ”
ว่าแล้วชินจูโรก็ออกไปยังสถานที่ที่เขานัดพบกันด้วยตนเอง พบกับเจ้าของร้านแล้วขอให้ช่วยเตรียมห้องให้ตามแผน เจ้าของร้านดีใจที่สุภาพบุรุษนักสืบมีชื่อเสียงมาเยือนถึงร้านจึงกุลีกุจออำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี เปิดห้องให้เลือกเอาตามความพอใจ
วันรุ่งขึ้น ชินจุโรกับคณะพรรคพากันไปยังสถานที่นัดพบเร็วกว่าเวลาที่กำหนดเล็กน้อย ทำทีเป็นลูกค้าทั่วไปสั่งอาหารเบา ๆ มารับประทานคุมเชิงอยู่
พอได้เวลา บุคคลเป้าหมายก็ทยอยเข้ามาในห้องข้าง ๆ นั้นทีละคนสองคน อิงะระชิกับ คินตะลูกเรือ นักดำน้ำมะสึ นายเรือทะเกะโซ และนางคิน 5 คนมาถึงไล่ ๆ กัน เหลือแต่อิมะมุระล่ามกับยะมะโตะพ่อครัวที่เป็นตัวตั้งตัวทีเท่านั้นที่รอเท่าไรก็ไม่มาสักที อิงะระชิพูดเสียงดัง
“ฉันว่าแล้ว ยะมะโตะดูใจดีเกินเหตุที่อยู่ ๆ ก็เรียกพวกเรามาฟังเรื่องฆาตกรแบบนี้ ฟังดูทะแม่ง ๆ ชอบกลมาตั้งแต่ต้น ถ้านายพ่อครัวนั่นบอกฉันว่าใครฆ่าจริง ๆ ฉันจะได้ไปให้ขูดรีดแบล็คเมล์เจ้าฆาตกรนั่นให้หนำใจทีเดียว แต่นี่รอตั้งสองชั่วโมงแล้วก็ยังไม่โผล่หัว สงสัยว่าจะมีอะไร ๆ เสียแล้ว” นักเลงลูกทะเลนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วถามโพล่งออกมาว่า
“ถามหน่อยเถอะ มีใครรู้เบาะแสบ้างไหมว่าคนฆ่ากัปตันริเฮคือใคร”
ไม่มีใครตอบ
“ใช่ไหม ฉันเองก็นึกไม่ออกบอกไม่ถูกเหมือนกัน งั้นถามอีกข้อหนึ่ง มีใครบ้างไหมที่คิดว่ายะมะโตะรู้ว่าใครฆ่า”
คินตะเป็นคนให้คำตอบ
“ฉันลำบากใจมากที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ตรงนี้ นายพ่อครัวเคยมาคาดคั้นให้ฉันเล่าเรื่องราววันเกิดเหตุ ฉันก็เล่าไปตามที่รู้ แต่นั่นไม่ใช่ฉันจะรู้ว่าใครเป็นฆาตกรหรอกนะ ฉันน่ะใคร ๆ ก็รู้ว่าเป็นนักดื่มคออ่อนแค่ไหน คืนวันนั้นดื่มเข้าไปไม่เท่าไรก็รู้สึกอึดอัดจึงขึ้นไปบนดาดฟ้าที่มืดสนิทแล้วก็เคลิ้มหลับไป นอนอยู่ ดี ๆ ฉันรู้สึกเหมือนมีใครเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ ๆ แถวนั้นจึงลืมตาตื่น มองออกไปข้างหน้าเห็นผู้ชายสองคนเดินออกมาจากห้องใหญ่ทางด้านโน้น ยังไม่ทันเห็นว่าใครก็ได้ยินเสียงอุทานเบา ๆ และคนหนึ่งตกลงไปในทะเล ส่วนอีกคนยืนอยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าเป็นคนผลักตกลงไปหรือว่าพลัดตกลงไปเอง ตรงนั้นมืดมาก ไม่รู้เลยว่าเป็นใคร เพราะวันนั้นท้องฟ้ามีเมฆมืดครึ้มไม่มีแสงจันทร์เลยด้วย ที่ฉันรู้แน่ ๆ ก็คือสองคนนั่นเดินออกจากห้องใหญ่ที่กำลังครื้นเครงกันสุดเหวี่ยงเดินไปตามเรียบลูกกรงไปตามทางเดิน และหลังจากคนหนึ่งตกทะเลไปแล้วคนที่เหลือเดินลงไปทางห้องกัปตัน ต่อมาถึงได้รู้ว่าคนที่ตกทะเลไปคือเจ้าคิจินักดำน้ำเพราะไม่มีคนอื่นหายไปนอกจากมันคนเดียว แต่อีกคนไม่รู้ใคร
“เรื่องที่เจ้ารู้น่ะสำคัญมากเลยนะ ฟังแล้วเข้าใจเลยว่า ชายคนที่เหลืออยู่นั้นต้องเป็นนายอิมะมุระแน่ ๆ” อิงะระชิทำท่าจริงจัง
“แต่มันมีพยานว่าคน ๆ นั้นไม่ใช่เขา เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นตอนฉันลืมตาตื่นขึ้นมานั้นคนอื่น ๆ ยังนอนอยู่ ก็เลยลงไปดูหน้าพวกมันเสียหน่อย พบนายอิมะมุระนอนปนอยู่กับพวกเราในห้องนั้น จำได้ว่านายเรือทะเกะโซก็นอนอยู่ด้วย”
เงียบกันไปนิดหนึ่ง มะสึพูดออกมาด้วยเสียงเบาเหมือนกระซิบ
“อือม์ ถ้างั้นคนที่อยู่นอนในห้องเดี่ยวก็มีฉันคนเดียวน่ะซี นายจะบอกว่าฉันเป็นฆาตกรอย่างนั้นรึ บ้ารึเปล่า อย่างแรกสุดคือคืนนั้นฉันนอนหลับไปโดยไม่ได้กินเหล้าสักหยด ไม่ได้โผล่ไปที่ห้องใหญ่เลยด้วย มีใครเห็นฉันออกจากไปจากห้องงั้นรึ ถ้ามีก็ไปเรียกมายันกันได้เลย”
“ใจเย็น ๆ ไม่มีใครบอกว่านายเป็นฆาตกรสักหน่อย” คนที่พูดปลอบคืออิงะระชิ “แค่นี้ก็อ่านออกละ พ่อครัวยะมะโตะเป็นคนมีเล่ห์เหลี่ยมรอบตัว ถ้ามันรู้เห็นว่านายอิมะมุระล่ามคนดีนั่นฆ่ากัปตัน มันก็จะต้องทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดแบล็คเมล์นานนั่นแน่ ๆ เพราะที่ผ่านมาได้ยินมาว่าชีวิตมันจะตกต่ำย่ำแย่ และคณะพรรคที่ไปกับเรือโชริวมะรุเที่ยวนั้น มีอิมะมุระคนเดียวเท่านั้นที่เจริญก้าวหน้า ดูเหมือนจะเป็นประธานบริษัทค้าขายกับต่างประเทศตั้งอยู่ที่ตำบลชิบะนั่นแน่ะ แล้วนี่อยู่ ๆ เจ้าพ่อครัวยะมะโตะก็ลุกขึ้นมาทำอะไรประหลาด ๆ อย่างนี้ จะว่ามันมีหลักฐานมามัดตัวนายล่ามอิมะมุระให้สารภาพก็ไม่น่าใช่ หรือใครว่าไง”
“นั่นนะซีมันแปลก ๆ อยู่ ฉันจำได้ว่าได้ยินเจ้าคิจิจะกลับลงมาจากดาดฟ้า” มะสึหนุ่มนักดำน้ำเสริมขึ้น “ราว ๆ สามหรือสี่ทุ่มแน่ ๆ ที่คินตะได้ยินเสียงมันตกทะเลไปนั่นน่าจะเป็นตอนเช้านะ”
“เป็นไปไม่ได้ หลังเกิดเหตุฉันกลับไปที่ห้องใหญ่อีก ตอนนั้นไอ้พวกคออ่อนพับไปสักครึ่งหนึ่งได้ ที่เหลือกำลังบ้ากันเต็มที่ ตอนนั้นก็ประมาณสามทุ่มครึ่งหรือสี่ทุ่มเห็นจะได้”
“แล้วตอนนั้นนายเห็นอิมะมุระอยู่ในห้องใหญ่รึเปล่า”
“ตอนนั้นก็ไม่ได้สังเกตเสียด้วย ที่แน่ ๆ คือมันกำลังเมากันสุดเหวี่ยงเอะอะด่าทอกันเหมือนคนบ้า ไอ้ที่เมาแล้วก็นอนแผ่บ้างก่ายเกยกันบ้าง แสงเทียนก็ริบหรี่มองอะไรไม่เห็น ฉันก็เดินหลีก ๆ มันเข้าไปนอนที่มุมห้องแล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง”
“ทั้ง ๆ ที่เห็นคนตกทะเลไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นน่ะนะ สมกับที่ใคร ๆ เขาเรียกแกว่าไอ้ทึ่มซึมกะทือเลยจริง ๆ” อิงะระชิทำท่าอ่อนใจ
“นายไม่รู้อะไรอย่ามาพูด ฉันเห็นนายคนนั้นเขาเดินไปทางห้องกัปตัน ก็เลยคิดน่ะซีว่าเขาต้องไปแจ้งเหตุแน่ ขืนชั้นไปเกะกะอยู่แถวนั้นเดี๋ยวก็ได้พลอยโดนจับติดร่างแหไปเปล่า ๆ ก็เลยรีบเลี่ยงกลับมานอนหลับที่ห้องใหญ่น่ะซี”
ตรงนี้เองที่มะสึซึ่งนั่งฟังความอยู่นานเอ่ยถามนางคินขึ้นมาว่า
“ฉันขอถามแม่คินสักหน่อยเถอะ ว่าเจ้าคิจิมันกลับห้องมาครั้งหนึ่งเมื่อราวสี่ทุ่มหรือเปล่า แต่ที่ฉันรู้แน่ ๆ คือมันกลับเข้ามานะหล่อน”
“ไม่จ้ะ ไม่ได้กลับเข้ามา จะบอกว่าถึงพี่เขาจะกลับมาฉันก็ไม่รู้เพราะหลับไปแล้วก็ได้ แต่ตอนเช้าตื่นขึ้นมาดูก็รู้ เพราะไม่มีร่องรอยอะไรเลยที่บอกว่าพี่กลับห้อง”
“ไม่ละมัง ต้องมีคนเข้าไปในห้องหล่อนแน่ เพราะฉันได้ยินกับหูนี่เลย”
“เข้าห้องผิดละมัง”
“ไม่มีทาง ห้องนอนฉันติดกับห้องกัปตันและตรงข้ามกับห้องหล่อน และห้องอิมะมุระอยู่ข้างห้องหล่อน ประตูห้องก็อยู่ห่างกัน เรื่องเข้าผิดห้องคงไม่มี”
“ฟังแล้วขนลุกเลยนะนี่ ใครกันที่เข้ามาตอนที่ฉันกำลังหลับไม่รู้เรื่องอย่างนั้น”
“แปลก ลองคิดดูว่านั่นอาจเป็นอิมะมุระ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะเข้าไปทำไม”
“แล้วคน ๆ นั้นเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน หลังจากได้ยินเสียงของเจ้านั่นในห้องหล่อนไม่นานฉันก็หลับไป แต่ที่รู้แน่ ๆ ก็คือชายคนนั้นลงมาจากดาดฟ้าแล้วตรงไปที่ห้องกัปตัน อยู่ในนั้นราว 30 นาทีแล้วก็ไปที่ห้องหล่อน”
“เขาเข้าไปทำอะไรที่ห้องกัปตัน”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเพราะไม่ได้ยินเสียงที่เขาพูดจากันและก็จับเสียงความเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้เลย นึกไม่ถึงว่าจะเกิดฆาตกรรมกันเกิดขึ้นในห้องนั้น” มะสึลงท้ายด้วยเสียงขรึม นางคินสวนคำเสียงแหลม
“อะไรนะ ขนาดมีคนถูกฆ่าข้างห้องยังบอกว่าได้รึว่าไม่ได้ยินอะไรเลย ข้างฝาก็แค่กระดานไม้แผ่นเดียวกั้นแค่นั้น”
“เวลามันจะไม่ได้ยินมันก็ไม่ได้ยินหรอกหล่อนจะมาเอาอะไรกับฉัน แต่คนที่เข้าไปในห้องหล่อนน่ะไม่ใช่ผีหรอกใช่ไหม ตรงนี้ต่างหากที่เข้าใจยาก”
“พอได้แล้ว” อิงะระชิลูกเรือร่างใหญ่ขัดขึ้น “เถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมา แล้วนี่เราจะมานั่งคอยนายยะมะโมะโตะ กับนาย อิมะมุระกันอยู่อย่างนี้น่ะรึ ฉันเห็นจะต้องขอตัวก่อนละ วันนี้มันเป็นวันอะไรของมันนะ บ้าบอเต็มทน” ว่าแล้วก็เดินดุ่ม ๆ กลับออกไป ที่เหลืออยู่สี่คนหันหน้าเข้าปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกัน และในที่สุดก็ตกลงแยกย้ายกันกลับก่อน สุภาพบุรุษนักสืบชินจูโรซุ่มฟังรอจังหวะอยู่นานแล้วจึงเลื่อนประตูกั้นห้องก้าวออกมาแสดงตัว
“ท่านทั้งหลายกรุณารอสักครู่” ชายหนุ่มแนะนำตัวสั้น ๆ แล้วบอกว่า “พรุ่งนี้ประมาณเที่ยง ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่อีกครั้งจะได้ไหม ครั้งนี้ผมตั้งใจจะมาเป็นพิธีกรสืบหาตัวคนฆ่ากัปตันริเฮเอง
การปรากฏตัวอย่างไม่คาดหมายของชินจูโรทำให้ทุกคนตื่นตระหนก แต่พอรู้ว่าชายหนุ่มรูปงามผู้นี้เป็นนักสืบอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงขจรขจายก็ค่อยคลายใจร่วมมือตอบคำถามของนักสืบเอกโดยดีว่าคืนนี้จะพักกันที่ไหน มะสึนักดำน้ำหนุ่มใหญ่ทำท่าไม่พอใจบอกว่า
“ท่านเรียกเราแค่สี่คนมาคุยมันจะได้เรื่องอะไร แล้วอีกอย่างทำไมท่านถึงไม่เรียกเจ้าอิงะระชินั่นมาด้วย ปล่อยมันกลับไปทำไมล่ะขอรับ”
“ไม่จำเป็นต้องให้มา แค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่านายนั่นจะไปไหน เขาจะไปแบล็คเมล์นายอิมะมุระที่ชิบะยังไงเล่า”
“แหมช่างเก่งกาจเสียจริง ทำไมไม่ไปจับมันเป็นผู้ร้ายฐานขู่กรรโชกเสียเลยล่ะขอรับ” เจ้ามะสึทำเสียงประชด
“ขอบใจที่ชม แต่นายอิงะระชิไม่มีหลักฐานพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือแบล็คเมล์ใครเขาได้หรอก ผมจะขอให้นายอิงะระชิ นายอิมะมุระและนายยะมะโตะมาประชุมกันพรุ่งนี้พร้อมกับพวกคุณ ต้องมาให้ได้นะครับ” พอสั่งเสร็จนักสืบเอกก็เชิญให้ทั้งหมดกลับไปได้ นางคินเป็นคนฉลาดรู้มันคน หล่อนทำเป็นไม่รู้จักชินจูโรและคณะตลอดเวลาที่นัดหมายกัน โทระนักดาบร่างใหญ่หนึ่งในคณะนักสืบตั้งท่าคัดค้านทันทีเมื่อเห็นชินจูโรรับปากสืบหาฆาตกรเรือเผชิญโชค“โชริวมะรุ”คดีนี้
“พรุ่งนี้คุณจะรู้ตัวคนร้ายเลยรึ”
“คิดว่าพอจะรู้แล้วละ”
“ไข่มุกเม็ดใหญ่จะกลับคืนมาด้วยไหม”
“ผมยังไม่รู้ลึกถึงขนาดนั้น ไข่มุกลึกลับขนาดนายยะมะโมะโตะตาไวราวกับลิงจับหมัดขนาดนั้นยังหาไม่พบ แล้วผมจะไปรู้ได้ยังไง ผมขอตัวแค่นี้ก่อนนะครับ”
“อ้าว จะไปไหนล่ะคุณ”
“จะไปสืบเรื่องพ่อหนุ่มนักดำน้ำสักหน่อย ลาละครับ
(โปรดติดตามตอนต่อไป......)