xs
xsm
sm
md
lg

ทหารญี่ปุ่นแก้ผ้ากระโดดสระ!! และเหตุที่ตัวนำเหล่ายอดมนุษย์ต้องใส่ชุดแดง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้ว เรื่องสามก๊กกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นยังไม่จบครับเป็นซีรีย์เลย คราวที่แล้วผมเล่าไปถึงเรื่องภาพเขียนของโชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ (徳川家康)ในสงครามสมรภูมิรบ MIKATAGAHARA (三方ヶ原) เป็นการแพ้สงครามครั้งเดียวให้กับไดเมียวที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นเจ้าของฉายาเสือแห่งเมือง KAI(甲斐:คือเมือง YAMANASHI (山梨県) ในปัจจุบัน)ท่านนี้มีชื่อว่า ทะเกะดะ ชินเก็ง

การรบครั้งนี้เป็นเหตุให้อิเอะยะซุเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดอย่างที่เล่าไปและหนีกลับเข้ามาในปราสาท เขาถอดใจและช้ำใจเป็นที่สุด ถึงขนาดที่ว่าจะปลดชีวิตตนเองและปลงมากคิดว่าคงต้องตายๆ ไป จึงไม่คิดอะไรต่อแล้วเปิดประตูปราสาทไว้ การที่เปิดประตูปราสาทไว้นี่เองเป็นเหตุให้กองทัพของทะเกะดะคิดว่าเป็นกลยุทธ์หลอกข้าศึกและตัดสินใจไม่เข้าไปถล่มต่อในปราสาท

ซึ่งกลยุทธ์แบบนี้ในหนังสือสามก๊กมีอยู่ฉากหนึ่ง จูล่งได้ใช้วิธีนี้เพื่อขับไล่ศัตรูโดยใช้กำลังทหารจำนวนไม่มากแต่สามารถออกอุบายหลอกศัตรูได้แยบยล นอกจากนี้จูกัดเหลียงก็เช่นกัน เขาใช้วิธีเปิดประตูเมืองอ้าเอาไว้ทำทีต้อนรับศัตรู ให้คนในเมืองทำท่าทางทำความสะอาดพื้นบ้าง บางคนก็นั่งเล่นเครื่องดนตรีพิณ (琴) บ้าง เมื่อศัตรูที่มีจำนวนมากถึง 100,000 มาเห็นท่าทางแปลกๆ ของผู้คนก็คิดว่าอาจโดนอุบาย จึงถอยทัพกลับไป
บางครั้งความพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องดี
ในปัจจุบันนี้ยังมีการนำกลยุทธ์เช่นนี้มาปรับใช้อยู่ เพื่อนๆ อาจเคยเห็นอยู่ใช่ไหมครับ เช่น เรื่องการรักษาความปลอดภัย
・ที่ญี่ปุ่นมีบางคนใช้วิธีเปิดทีวีเสียงดังตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน หรือตอนที่จะเดินทางไปเที่ยว ถ้าไม่มีคนอยู่บ้าน เขาจะเปิด TV เสียงดังๆ ก็จะเหมือนกับว่ามีคนอยู่บ้าน นั่นเอง
・หรือการติดกล้องวงจรปิดเอาไว้หลอกตา ที่จริงเป็นกล้อง FAKE เท่านั้น แต่ไม่ได้เปิดให้เครื่องทำงานจริง เป็นกลอุบายหลอกให้คิดว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรอยู่นั่นเอง กรณีเช่นนี้ก็ยังมีคนทำกันมาก
・หรือเรื่องการส่งพิซซ่า มีเรื่องเล่าติดตลกของนักแสดงโจ๊กเกอร์ญี่ปุ่น เขาเล่าว่าเคยสั่งพิซซ่าแล้วไม่อยากให้คนส่งพิซซ่ารู้ว่าเป็นบ้านตน จึงแกล้งใช้ชื่ออื่นสั่ง แล้วพอคนส่งมาถึงก็แกล้งเปิดทีวีดังๆ แล้วดักรอคนส่ง แล้วแกล้งตะโกนเรียกคนในบ้านแล้วบอกคนส่งว่าสงสัยเจ้าของบ้านเล่นเกมส์ไม่สนใจพิซซ่าเลย เดี๋ยวเขาเอาไปให้เอง เป็นต้น

ที่ผมบอกว่าสงครามครั้งนั้น "「เป็นเรื่องโชคดีมาก ที่ประตูเปิดทิ้งไว้」เพราะถ้ากองทัพของทะเกะดะบุกเข้ามาในปราสาท ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็คงจะเปลี่ยนไป " ด้วยความที่ตอนนั้นอิเอะยะซุไม่ตายนั่นเองภายหลังเขาจึงได้เป็นนายพลที่เมืองโตเกียว สมัยนั้นเมือง Tokyo (東京)ไม่ใช่เมืองหลวง ( สมัยเอะโดะ (江戸)=เมือง Tokyo(東京)ยังแร้นแค้นยากจน มีป่าเยอะ มีสุนัขจิ้งจอก แรดคูน ยังคงเป็นเมืองต่างจังหวัด )

หลังจากสงครามในสมรภูมิรบ MIKATAGAHARA มา 2 ปี ในปี 1575 ลูกชายของตระกูลทะเกะดะ ได้ต่อสู้กับท่านอิเอะยะซุในสงคราม NAGASHINO (長篠) (มีเขียนไว้อยู่ในหนังสือเรียนซึ่งน่าจะเป็นที่รู้จักดี ) ในสงคราม NAGASHINO อิเอะยะซุใช้เทคนิคทางการรบมากมาย เขาได้เตรียมปีนไว้กว่า 3,000 กระบอก ใช้กลอุบายสลับพลปืนจนทำให้กองทัพทหารม้าของลูกชายทะเกะดะพ่ายแพ้ไป ส่วนนายทหารคู่ใจ ยามางะตะ (Yamagata 山県さん)และ Baba(馬場さん)ได้เสียชีวิตลงเพราะสละตนเองยอมตายแทนหัวหน้าในสนามรบนั่นเอง ยามางะตะ ถือเป็นทหารที่เก่งกาจและเฉลียวฉลาดมาก เขามักจะใส่ชุดเกราะสีแดงนำทัพออกรบ ปกติสีแดงนี่เป็นสีที่เด่นสะดุดตาใครๆ อยู่แล้วถ้าไม่เซียนจริงๆ นี่ใส่ไม่ได้นะครับ เด่นเตะตาเกินไปโดนยิงตายคนแรกแน่นอน ต่อมารายการทีวีญี่ปุ่นพวกรายการยอดมนุษย์ 戦隊モノ Sentai-mono ยอดมนุษย์ตัวนำพอแปลงร่างปุ๊บชุดจะเป็นสีแดงนำทีมเพื่อนๆ ไปต่อสู้กับเหล่าร้ายนั่นเอง ได้แนวความคิดมาจากนักรบยามางะกะครับ
ยามางะตะ ผู้ทำให้สีแดงกลายเป็นสัญลักษณ์ของผู้นำเหล่ายอดมนุษย์
เนื่องจากตะกูลทะเกะดะแพ้สงครามในครั้งนั้นทำให้ตะกูลทะเกะดะค่อยๆ กลายเป็นไดเมียวที่ล่มสลายในเวลา 7 ปี

ต่อจากนั้น เข้าสู่สมัยเอะโดะ (江戸時代)นักวิชาการของตระกูลโทะกุงะวะ (徳川家) เองก็เขียนเรื่องราวความเก่งกาจของ โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ (徳川家康) เป็นเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับอิเอะยะซุนักรบแห่งเทพเจ้า「神君」(Shin-Kun) เพียงแต่มีข้อหนักใจตรงที่แม้แต่นักรบแห่งเทพเจ้า ยังเคยพ่ายแพ้สงครามมาแล้วอย่างน่าหดหู่ จึงมีการเขียนยกย่องผู้ชนะครั้งนั้นด้วยว่ายิ่งกว่าเข้มแข็งและเก่งกาจ เขาคือทะเกะดะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น ในทุกวันนักวิชาการจะทุ่มเทให้กับการศึกษาประวัติศาสตร์ เพราะประวัติศาสตร์ คือ การทำให้รู้สึกถึงคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ รับรู้ถึงความไม่ฉลาด ความไม่สมบูรณ์ ต่างๆ นานาเพื่อนำมาปรับใช้ และไว้ระลึกถึงความพ่ายแพ้และความชนะ แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่านักรบเทพเจ้ายังเคยพ่ายแพ้ แล้วจะมีใครละที่ไม่เคยแพ้เลย เอาไว้เตือนใจเราทุกคนได้ดีในยามท้อแท้ในชีวิต การงาน การเรียน

ถ้าคุณเคยอ่านการ์ตูน นวนิยาย หรือเกมของญี่ปุ่น และพบว่ามีตัวละครเกี่ยวกับตระกูลทะเกะดะ ผู้ที่มีความเก่งกาจเข้มแข็ง และมีนายหหารยามางะตะและนายทหารบะบะที่แสนฉลาดและรอบรู้ เป็นทหารคู่บารมี ก็ไม่ต้องแปลกใจเพราะได้รับการถ่ายทอดกันมาเช่นนี้ เรื่องจริงแล้วเข้มแข็งหรือไม่ไม่มีใครทราบได้

เกี่ยวกับรูปภาพ ปัจจุบันได้มีงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า รูปนี้ถูกวาดขึ้นหลังจากที่อิเอะยะซุตายไปแล้ว 100 ปี ความจริงแล้วเรียกว่า ภาพวาดเสมือนคนจริง
ภาพวาดของ อิเอยะสุ
แต่ก่อนนี้ คือช่วงปี 1935 เจ้าของภาพวาดของอิเอยะซุบอกว่าถูกวาดช่วงที่อิเอยะซุยังไม่ตายจนสร้างความเชื่อให้คนในสังคมแบบนั้นมาตลอดก่อนที่นักวิจัยจะเปิดเผยผลการวิเคราะห์ ช่วงนั้นภาวะในโลกค่อนข้างมีภาวะตึงเครียดต่อภัยสงคราม แต่มีกฎหมายการดูแลรักษาความสงบของประเทศ (ฉบับปี 1925) กำหนดไว้ว่าใครที่ทำการต่อต้านการทำสงครามจะถูกจับ หลังจากนั้นประมาณ 10 ปี เข้าสู่ยุคสมัยที่ญี่ปุ่นมืดหม่น ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติ และเป็นประเทศที่ยากจน และเริ่มเข้าสู่ช่วงสงคราม

ช่วงสงครามญี่ปุ่นเป็นศัตรูกับอเมริกา เลยไม่มีการนำเข้าน้ำมัน (A=America B=Britain C=China D=Dutch ประเทศฮอลลันดาร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เพื่อคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นโดยการไม่ขายน้ำมันให้ประเทศญี่ปุ่น) ทำให้สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ในการดำรงชีพมีไม่เพียงพอ เนื่องจากที่ประเทศญี่ปุ่นต้องเลี้ยงดูประชาการประมาณ 1 ล้านคนเพราะฉะนั้นจึงมีคำพูดปลุกใจว่า 「จะไม่ใช้อะไรฟุ่มเฟือย จนกว่าจะชนะสงคราม 」「欲しがりません、勝つまでは」นอกจากนี้ ยังมีคำพูดว่า 「รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้」「南進論」เพื่อที่จะหาตลาดน้ำมัน ( มีคำศัพท์ญี่ปุ่นแปลกๆ หลายคำ ) สมัยนั้นญี่ปุ่นหม่นหมองมาก

หลังจากนั้นทหารญี่ปุ่นได้แสวงหาทรัพยากรธรรมชาติที่สิงคโปร์ มาเลเชีย และวันที่ 8 เดือนธันวาคม ปี 1941 ทหารญี่ปุ่นได้บุกมาที่ประจวบคีรีขันธ์ คิดว่าทุกท่านน่าจะทราบรายละเอียด ( ดีกว่าผม ) แต่เรื่องประวัติศาสตร์ก็เป็นเรื่องที่ผมชอบมากๆ ครับ

หลายๆ ที่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่มีการสั่งสมความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของคนที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างพวกเราเอาไว้ ผมชอบทะเลที่สวยงามของประเทศไทย ถ้าได้ฟังเสียงคลื่นของทะเลอ่าวไทยแล้วล่ะก็จะรู้สึกถึงความสงบสุขอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สมัยก่อนนั้นทหารญี่ปุ่นซึ่งถ้ายังมีอายุถึงปัจจุบันน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับปู่ของผมคงจะพกปืนและยกพลจากทะเลขึ้นบกที่ประเทศไทยอย่างบ้าคลั่ง

มีพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่วัดบวรนิเวศ ท่านอายุกว่า 90 ปีแล้ว ซึ่งผมเคารพและศรัทธามาก พระอาจารย์ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น แถวพระนครมีทหารญี่ปุ่นมากมาย ท่านก็ชี้ไปแถววัดใกล้ๆ ว่าเคยโดนระเบิดส่วนที่วัดบวรนิเวศเองมีทหารญี่ปุ่นเดินป่วนเปี้ยนกันทุกวัน ท่านชี้ไปที่บ่อน้ำ ข้างตำหนักและบอกว่า 「พวกทหารญี่ปุ่นเวลามันร้อน มันจะแก้ผ้ากระโดดไปที่บ่อน้ำตรงนี้แหละ」ผมเองเคยอุปสมบทที่วัดบวรนิเวศเช่นกันก่อนบวชผมท้องเสียโดยไม่ทราบสาเหตุกว่า 10 วัน หาหมอทานยาก็ไม่หาย ร่างกายไม่มีแรงจนคิดว่าคงไม่ได้บวชเป็นแน่ วันก่อนบวชนั่นเองผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งโดยบังเอิญหนังสือเขียนว่าบริเวณพระนครนี้มีทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ท้องเสียตายเป็นจำนวนมาก!! ผมรู้สึกขนลุกมาก ภรรยาผมบอกว่าอาจมีเจ้ากรรมนายเวรมาขอส่วนบุญก็เป็นได้ ภรรยาผมจึงขอขมาเจ้ากรรมนายเวรและขออำนาจคุณพระรัตนตรัยช่วยให้ผมได้บวชพระอย่างที่ตั้งใจ แล้ววันรุ่งขึ้นผมก็หายเป็นปลิดทิ้งได้บวชตามที่ฤกษ์ทุกอย่าง ผมเองก็ไม่ทราบว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ พอดีเล่าถึงเรื่องสงครามผมเลยนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้

จากเรื่องภาพวาดที่หาข้อสรุปกันไปมาว่าเรื่องใดเรื่องจริง เรื่องใดเรื่องเท็จ เหมือนกับนิยายแต่งที่พูดถึงสุภาพบุรุษอย่างโกโบริ ก็อาจจะไม่มีคนแบบโกโบริก็ได้ใช่ไหมครับ เหมือนกับเรื่องราวรูปภาพของอิเอะยะซุซึ่งถูกคิดว่าเป็นภาพวาดขณะมีชีวิตในช่วงสงครามที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ →แต่แท้จริงแล้วเป็นรูปที่ถูกวาดขึ้นมาภายหลังนั่นเอง เขาถึงพูดกันว่า 「ประวัติศาสตร์สะท้อนให้เห็นรากเหง้าของสังคมปัจจุบัน 」คิดว่าจริงตามที่เขาได้พูดต่อๆ กันมา ระหว่างที่ผมยังมีชีวิตอยู่ ผมหวังอยู่ในใจลึกๆ ว่าไม่อยากให้คนเอเชียด้วยกันเองทำสงครามกันอีกเลยครับ

สัปดาห์หน้าอาจจะมีเรื่องเบาๆ มาคั่นซีรีย์สามก๊กสักหน่อยดีกว่าไหมครับ ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ตามอ่านและให้คำแนะนำที่ดีเสมอมาครับ วันนี้สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น