รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - เกาหลีใต้แถลงวันเสาร์ (10 ก.ย.) เร่งทั่วโลกลงมือหาทางออก หลังจากเปียงยางทดสอบนิวเคลียร์รอบที่ 5 ในวันศุกร์ (9 ก.ย.) จนเกิดแผ่นดินไหวเทียม 5.3 ระบุ เทคโนโลยีอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือก้าวหน้าครั้งใหญ่ พบอานุภาพการระเบิด 10 กิโลตัน แรง 2 เท่าของการทดสอบในเดือนมกราคมต้นปี ล่าสุด รองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน เรียกทูตเกาหลีเหนือไปเตือนด่วน แต่รัสเซียยังลังเล อ้าง คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือไม่สามารถหยุดประธานาธิบดี คิม จอง อึน ได้
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) ว่า โซลออกแถลงการณ์ประกาศว่า เปียงยางได้ทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ซึ่งพบว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น ประสบความสำเร็จในการพัฒนาขีปนาวุธของตัวเองไปอีกหลายขั้น ซึ่ง สปูนิกนิวส์ สื่อรัสเซีย รายงานในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ว่า “สื่อเกาหลีเหนืออ้างว่า ในขณะนี้เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์บนมิสไซล์พิสัยต่าง ๆ ของตัวเองได้แล้ว”
โดยในการแถลงของสื่อเกาหลีเหนือ ระบุว่า “การทดสอบล่าสุดช่วยให้เกาหลีเหนือสามารถมีหัวรบที่มีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น มีขนาดลดลงและเบามากขึ้นของหัวรบนิวเคลียร์ประเภทต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำลายล้าง” CNN สื่อสหรัฐฯรายงาน และชี้ว่า คิม นัม-วุค (Kim Nam-wook ) ประจำสำนักงานจัดการอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติเกาหลีใต้ กล่าวว่า สามารถตรวจพบการละเบิดในเวลา 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ใกล้กับสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ใต้ดินของเกาหลีเหนือ
ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเกาหลีใต้ระบุว่า เชื่อว่าอานุภาพการระเบิดมีราว 10 กิโลตัน ถือว่ามากเป็น 2 เท่าของการทดลองในเดือนมกราคมต้นปีนี้
โดยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ยุน บยุง เซ แถลงผ่านการรายงานของรอยเตอร์ ว่า การทดสอบล่าสุดแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ไม่ยอมเปลี่ยนจุดยืนเดิม ดังนั้น มาตรการที่เข้มงวดและการคว่ำบาตรที่แรงมากขึ้นจำเป็นต้องเกิดขึ้น เพื่อบังคับให้เกาหลีเหนือต้องทำการเปลี่ยนแปลง”
และในแถลงการณ์ยังกล่าวต่อว่า “เห็นได้ชัดว่า เทคโนโลยีนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วถึงระดับที่ต้องเป็นกังวล เนื่องมาจากการทดสอบครั้งที่ 5 ล่าสุด เป็นการทดสอบที่มีผลระดับความแรงมากที่สุดซึ่งชี้ได้ว่ามีการพัฒนาไปมากอย่างมาก” ยุน แถลงในการประชุมคณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ในการหารือถึงการทดสอบนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ
และสื่อสหรัฐฯรายงานถึงความน่าจะเป็นของการที่เกาหลีเหนือประสบความสำเร็จสามารถติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ ว่า ในขณะเดียวกัน คิม บยุง-กี (Kim Byung-keeX) จากพรรคฝ่ายค้านเกาหลีใต้ มินจูปาร์ตี ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้หลังจากการรับฟังสรุปจากหน่วยงานข่าวกรองเกาหลีใต้แล้ว โดยกล่าวตอบนักข่าวที่ถามว่า การทดสอบล่าสุดของเปียงยางแสดงให้เห็นว่า ทางเกาหลีเหนือประสบความสำเร็จสามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ได้แล้วใช่หรือไม่
ซึ่งทางคิมได้ตอบปฎิเสธกลับมาโดยกล่าวว่า “เห็นจะไม่ใช่เช่นนั้น” และกล่าวต่อว่า “และถึงแม้ว่าเขาสามารถติดตั้งหัวรบได้สำเร็จ แต่ทว่าเทคโนโลยีพัฒนาอาวุธยังคงเป็นอีกส่วนที่แยกกัน และยังดูไม่เหมือนว่าทางโน้นจะประสบความสำเร็จมาถึงจุดนี้ในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของทางเราเชื่อว่า เกาหลีเหนือจะสามารถประสบความสำเร็จพัฒนาอาวุธได้เร็วกว่าที่คาดไว้”
ด้านจีนที่ถือเป็นพี่ใหญ่ของเกาหลีเหนือ เมื่อวานนี้ (10 ก.ย.) รองรัฐมนตรีต่างประเทศจีน จาง จาง เย่ สุย ได้เรียกเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือ จี แจ-รยอง ประจำปักกิ่งไปพบเพื่อตำหนิ และได้กล่าวว่า “การทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุดไม่เป็นผลดีต่อสันติภาพและความสงบสุขต่อคาบสมุทรเกาหลี”
และกล่าวต่อว่า “จีนได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือไม่ให้ลงมือทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่จะทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มมากขึ้น และขอให้หันกลับเพื่อยุติการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์ให้เร็วที่สุด”
แต่ทว่าสำหรับรัสเซียที่มีพรมแดนติดเกาหลีเหนือยาว 17 กม. ใกล้กับแม่น้ำทูเมน และพรมแดนทางทะเลอีก 22.1 กม. รอยเตอร์ชี้ว่า เครมลินยังลังเลในท่าทีต่อการที่จะจัดการกับเกาหลีเหนือ
โดยรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียยังลังเลในการตัดสินใจต่อการลงโทษเกาหลีเหนือ หลังจากเกิดแผ่นดินไหวเทียมระดับ 5.3 ใกล้สถานที่ทดสอบนิวเคลียร์หลัก ปุงกเย-รี ในวันศุกร์ (9 ก.ย.) อ้างอิงจากข้อมูลของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ USGS ถึงแม้ว่าดิ เอ็กซ์เพรส สื่ออังกฤษรายงานในวันเดียวกันว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน จะออกมาตำหนิผู้นำเกาหลีเหนือ “ให้ระวังถึงผลลบที่จะตามมา” ร่วมกับผู้นำชาติอื่น ๆ ทั่วโลกก็ตาม
ในขณะที่จีนที่ถึงแม้ว่าจะมีการเรียกทูตเกาหลีเหนือมาตำหนิ แต่รอยเตอร์ชี้ว่า ดูเหมือนปักกิ่งยังคงเงียบเฉยต่อมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ของทางสหประชาชาติ ที่คาดว่า จะออกมาในไม่ช้า ถึงแม้ว่าสื่อของปักกิ่งจะออกรายงาน แสดงความเห็นไม่เห็นด้วยต่อเกาหลีเหนือถึงการทดสอบนิวเคลียร์ล่าสุด
ซึ่งโกลบอล ไทม์ส สื่อของรัฐบาลจีนได้รายงานในวันเสาร์ (10 ก.ย) โดยตำหนิเปียงยางว่า เกาหลีเหนือกำลังคิดผิดในความพยายามจะสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อความยิ่งใหญ่และความแข็งแกร่ง
“การมีอาวุธนิวเคลียร์ไม่ได้ให้หลักประกันทางความมั่นคงทางการเมืองของเกาเหนือ” โกลบอลไทม์สกล่าวผ่านบทหน้าบรรณาธิการ และเสริมต่อว่า “แต่ในทางตรงข้าม สิ่งนี้เป็นยาพิษ ที่จะกัดกินทั้งประเทศอย่างช้า ๆ”
จิจีเพรส สื่อญี่ปุ่นต่อในเรื่องนี้ในวันเสาร์ (10 ก.ย.) ว่า คณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติได้ประณามการตัดสินใจของเปียงยางในการดำเนินการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งล่าสุด และประกาศว่าจะเร่งหาทางออกให้เร็วที่สุดในเรื่องนี้ภายใต้กรอบกฎบัตรสหประชาชาติว่าด้วยนิวเคลียร์มาตรา 41 ที่ระบุให้อำนาจประเทศสมาชิกสามารถบังคับใช้มาตรการลงโทษอย่างสันติ ซึ่งรวมไปถึงการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยสื่อญี่ปุ่นชี้ว่า แถลงการณ์ที่ออกมาล่าสุดนี้ประเทศสมาชิก 15 ชาติ รวมไปถึงจีนเห็นชอบ
ซึ่งการประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเกิดขึ้นจากการยื่นขอของญี่ปุ่น สหรัฐฯ และเกาหลีใต้
ด้าน โคโระ เบสโช (Koro Bessho) เอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำองค์การสหประชาติกล่าวล่าสุดหลังจากออกมาจากที่ประชุมแล้วว่า “ทางญี่ปุ่นจะเร่งหามาตรการใหม่ให้เร็วที่สุด ซึ่งอาจไปถึงการคว่ำบาตร”
ทั้งนี้ เป็นที่เข้าใจว่า ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และจีน จะเป็นชาติผู้นำในการหาทางออกในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเกี่ยวกับปัญหาเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ ได้ออกมาความเห็นในเรื่องนี้ในวันเสาร์ (10 ก.ย.) เช่นกัน แสดงความไม่เห็นด้วยในการที่คณะมนตรีความมั่นคงองค์การสหประชาชาติจะแก้ปัญหาการเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือด้วยการเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร แต่เห็นควรให้หาทางใหม่เพื่อยุติโครงการอาวุธนิวเคลียร์โสมแดงเสีย โดยกล่าวว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะทิ้งหนทางประชุม 6 ฝ่าย เราควรหันกลับมาสานต่ออีกครั้ง” โดยชี้ว่า มติเพิ่มการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากองค์การสหประชาชาติ ยิ่งจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยากมากขึ้น
สอดคล้องกับการรายงานของ รัสเซีย บียอนด์ เฮดไลน์ RBTH สื่อรัสเซียในวันศุกร์ (9 ก.ย.) ที่ตั้งคำถามว่า “มอสโกสามารถหยุดเกาหลีเหนือได้หรือไม่ และสื่อรัสเซีย ระบุว่า จากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย เช่น จอร์จ โตโลรายา(George Toloray) ผู้อำนวยการเอเชียตะวันออกประจำสถาบันเศรษฐศาสตร์แห่งรัสเซียอคาเดมี ระบุว่า “การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเปียงยางไม่ได้ผล นอกเหนือไปทางเลือกอื่นคือการใช้อำนาจทางทหารเข้าช่วย”
ด้าน อเลกซานเดอร์ กาบูเอฟ (Alexander Gabuev) ผู้เชี่ยวชาญจากโครงการเอเชียและแปซิฟิกศึกษาประจำศูนย์คาร์เนกี มอสโก เซนเตอร์ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ ว่า เครมลินไม่มีอำนาจการต่อรองต่อเกาหลีเหนือมาก เหมือนเช่นกับปักกิ่งที่มีอิทธิพลต่อเปียงยางด้านเศรษฐกิจ โดยทางผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้แนะนำให้ใช้ช่องทางการสื่อสารระดับสูงที่ยังคงมีอยู่ให้เป็นประโยชน์ในเรื่องนี้แทน
สอดคล้องกับการยืนยันของอดีตเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีเหนือ วาเลรี ซู่คินิน (Valery Sukhinin) ที่ยืนยันกับรัสเซีย บียอนด์ เฮดไลน์ RBTH ว่า ทางรัสเซียยังคงรักษาช่องทางการสื่อสารกับเกาหลีเหนืออยู่
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานการประชุม 6 ฝ่ายนิวเคลียร์เกาหลีเหนือ ที่ว่านี้มีเป้าหมายเพื่อยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีสหรัฐฯ รัสเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน และเกาหลีเหนือ เข้าร่วมการเจรจา แต่ต้องหยุดไปในปี 2008