เอเอฟพี - เกิดแผ่นดินไหวเทียมขนาด 5.3 ใกล้สถานที่ทดสอบนิวเคลียร์หลักของโสมแดงเช้าวันนี้ (9 ก.ย.) ซึ่งตรงกับวันก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ โดยทางการญี่ปุ่นและเกาหลีใต้คาดว่าอาจเกิดจากการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 5
หากการทดสอบครั้งนี้ได้รับการยืนยัน จะยิ่งทำให้สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีร้อนระอุหนักขึ้นไปอีก
แผ่นดินไหวเทียมดังกล่าวถูกตรวจพบบริเวณสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์ ปุงกเย-รี และเกิดขึ้นในวันนี้ (9) ซึ่งเป็นวันครบรอบการก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือในปี 1948
ทางการญี่ปุ่นและเกาหลีใต้แถลงว่า แรงสั่นสะเทือนซึ่งสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) วัดได้ 5.3 ถือว่ารุนแรงยิ่งกว่าการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 ที่ปุงกเย-รี เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา
“เกิดแผ่นดินไหวเทียมขึ้นในเกาหลีเหนือ น่าจะเกิดจากการทดสอบนิวเคลียร์” เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้คนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวยอนฮัป
กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า ระเบิดนิวเคลียร์ลูกนี้ “มีพลานุภาพรุนแรงที่สุด” เท่าที่เกาหลีเหนือเคยทดสอบมา
“เราเชื่อว่าเกาหลีเหนือน่าจะทดสอบนิวเคลียร์เช้าวันนี้แน่นอน... แรงระเบิดอยู่ที่ประมาณ 10 กิโลตัน ซึ่งรุนแรงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยทดสอบมา” เจ้าหน้าที่กระทรวงคนหนึ่งกล่าว
คิม นัม-วุก จากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาเกาหลีใต้ ชี้ว่า “แรงระเบิด 10 กิโลตันนั้นรุนแรงกว่าการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 เกือบ 2 เท่า และเบากว่านิดหน่อยเมื่อเทียบกับระเบิดปรมาณูที่ใช้ถล่มฮิโรชิมา ซึ่งมีอานุภาพประมาณ 15 กิโลตัน”
ประธานาธิบดี พัค กึน-ฮเย แห่งเกาหลีใต้ ได้ออกมาประณาม “ความบ้าคลั่งไร้สติ” ของผู้นำวัยหนุ่มอย่าง คิม จอง อึน โดยเตือนว่า “ระบอบ คิม จอง อึน จะถูกทั่วโลกคว่ำบาตรและโดดเดี่ยวมากขึ้น... และการกระทำยั่วยุแบบนี้ก็จะมีแต่จะทำลายตัวเองเร็วขึ้นเท่านั้น”
“เราจะเพิ่มแรงกดดันต่อเกาหลีเหนือผ่านทุกช่องทางที่มีอยู่ และเชื่อว่าประชาคมโลก รวมถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ก็จะมีมาตรการคว่ำบาตรที่หนักหน่วงขึ้นด้วย” พัค กล่าว
โยชิฮิเดะ สุกะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้เปิดแถลงข่าวฉุกเฉิน โดยยืนยันว่ารัฐบาลโตเกียวกำลังเร่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เราเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่แผ่นดินไหวคราวนี้จะเกิดจากการทดสอบนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ” เขากล่าว
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคอ้างคำแถลงจากกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นว่า กองกำลังป้องกันตนเองเตรียมส่งเครื่องบินออกไปเก็บตัวอย่างอากาศเพื่อตรวจหาสารกัมมันตรังสี
ด้าน ฟูมิโอะ คิชิดะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศแดนปลาดิบ ลั่นวาจาว่าจะ “ประท้วงเกาหลีเหนืออย่างรุนแรง และร้องเรียนไปยังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที” หากได้รับการยืนยันว่าโสมแดงทดสอบนิวเคลียร์รอบใหม่
รัฐบาลเกาหลีเหนือถูกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ลงดาบคว่ำบาตรมาแล้วถึง 5 ครั้ง นับตั้งแต่เริ่มทดสอบนิวเคลียร์ครั้งแรกในปี 2006
เปียงยางปลุกปั่นความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาคด้วยการทดลองยิงขีปนาวุธหลายต่อหลายครั้ง หลังจากทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 สำเร็จเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ปีนี้
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5) เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธไปตกในทะเลญี่ปุ่น 3 ลูกซ้อน ระหว่างที่บรรดาผู้นำชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 กำลังร่วมประชุมที่จีน โดยผู้นำ คิม จอง อึน ได้โอ้อวดผลการทดสอบครั้งนี้ว่า “สมบูรณ์แบบ”
โดยปกติแล้ว นักวิเคราะห์ที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของสถานที่ทดสอบนิวเคลียร์เกาหลีเหนือผ่านภาพถ่ายดาวเทียมจะออกมาเตือนล่วงหน้าหากพบสัญญาณความผิดปกติ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์มานี้แทบจะไม่มีการคาดเดาเลยว่า โสมแดงกำลังจะทดสอบนิวเคลียร์รอบใหม่
“พวกเขาลงมือในขณะที่ทุกฝ่ายกำลังเผลอ แต่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ก็เคยเตือนล่วงหน้าหลายเดือนแล้วว่า เกาหลีเหนืออยู่ในภาวะที่พร้อมจะทดสอบนิวเคลียร์ได้ตลอดเวลา” คิม จิน-มู จากสถาบันเพื่อการวิเคราะห์ด้านกลาโหมแห่งเกาหลี (Korea Institute for Defense Analyses) ระบุ
สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (US National Security Council) ระบุว่า ได้รับทราบว่าเกิดกิจกรรมแผ่นดินไหวขึ้นในเกาหลีเหนือ “เรากำลังจับตามองและประเมินสถานการณ์ร่วมกับประเทศหุ้นส่วนของเราในภูมิภาค”
รัฐบาลโสมแดงยืนยันมาโดยตลอดว่าจะเดินหน้าทดสอบนิวเคลียร์ต่อไป แม้ต้องถูกทั่วโลกประณามและคว่ำบาตรก็ตาม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป้าหมายหลักของโสมแดงคือการพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่มีความแม่นยำและอานุภาพทำลายล้างสูง
จีนในฐานะมหามิตรเพียงหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือถูกนานาชาติกดดันให้ใช้อิทธิพลควบคุมพฤติกรรมของเปียงยางให้อยู่กับร่องกับรอย การทดสอบนิวเคลียร์ในวันนี้ (9) จึงถือได้ว่าเป็นการ “หักหน้า” ปักกิ่ง และทำให้โอกาสในการรื้อฟื้นเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์ 6 ฝ่ายยิ่งยากขึ้นไปอีก
ชุนจิ ฮิราอิวะ อาจารย์จากมหาวิทยาลัย Kwansei Gakuin ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคาบสมุทรเกาหลี ชี้ว่า “ผมคิดว่าจีนจะตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากยิ่งขึ้น” เนื่องจากทั่วโลกคาดหวังให้ปักกิ่งเป็นผู้นำในการคลี่คลายความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ