อดีตนายกฯญี่ปุ่น จุนนิชิโร โคอิซุมิ ระบุว่า นายกฯ ชินโซ อะเบะ โกหกว่าสามารถควบคุมการรั่วไหลของกัมมันภาพรังสีที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกของกรุงโตเกียว
นายจุนนิชิโร โคอิซุมิ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงดำรงตำแหน่งปี 2001 - 2006 กล่าวว่า “ที่ นายกฯ ชินโซ อะเบะ บอกว่า สามารถควบคุมโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะได้แล้วนั้นเป็นเรื่องโกหก บริษัท เทปโก ซึ่งเป็นผู้ดูแลโรงไฟฟ้ากำลังสร้างกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสกัดกั้นไม่ให้น้ำใต้ดินไหลเข้าไปในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่เสียหายหลังแผ่นดินไหว ซึ่งเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้”
อดีตผู้นำญี่ปุ่น ยังระบุว่า ปริมาณน้ำปนเปื้อนรังสีที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ มีเกือบ 1ล้านตัน ซึ่งทางเทปโกได้สร้างแท็งก์ขนาดยักษ์เพื่อเก็บน้ำเหล่านี้ แต่น้ำปนเปื้อนรังสีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างที่เก็บน้ำแบบไม่จบไม่สิ้น
นายโคอิซุมิ ซึ่งทุกวันนี้อายุ 74 ปี ได้หันมาต่อต้านการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างเต็มตัวหลังเกิดแผ่นดินไหว และคลื่นสึนามิถล่มญี่ปุ่น จนทำให้โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะกลายเป็น “มหันตภัยนิวเคลียร์” ครั้งเลวร้ายที่สุดของญี่ปุ่น
เขายังยอมรับว่า “รู้สึกผิด” ที่เคยเชื่อบรรดาผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ที่อ้างว่า พลังงานนิวเคลียร์มีต้นทุนถูกที่สุด, สะอาด และปลอดภัย จึงเหมาะกับญี่ปุ่นซึ่งไม่มีทรัพยากรในการผลิตไฟฟ้า
ทุกวันนี้ ญี่ปุ่นใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานนิวเคลียร์มากถึงร้อยละ 30 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกแห่งทั่วประเทศได้ถูกสั่งปิดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยหลังเกิดวิกฤตที่ฟุกุชิมะ หากแต่โรงไฟฟ้า 3 แห่งได้กลับมาเดินเครื่องแล้ว และแห่งอื่น ๆ ก็ทยอยขออนุญาตเดินเครื่องปฏิกรณ์อีกครั้ง โดยอ้างว่าได้ตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว
วิกฤตฟุกุชิมะเป็นเรื่องสำคัญที่คณะกรรมการโอลิมปิกสากลตั้งคำถามสำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของกรุงโตเกียว ในปี 2020 ซึ่งรัฐบาลของนายอะเบะยืนยันว่าสามารถควบคุมการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีได้แล้ว
ทั้งนี้ การรั่วไหลของรังสีในพื้นที่ฟุกุชิมะส่งผลต่อทั้งน้ำ, อากาศ รวมทั้งพืชผลและสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยมีประชาชนต้องอพยพมากกว่า 160,000 คน