ไม่ใช่เพียงนายกฯญี่ปุ่นในร่าง “ซูเปอร์มาริโอ” ที่ขโมยซีนเรียกเสียงปรบมือในพิธีปิดโอลิมปิก ที่ ริโอ เดอ จาเนโร แต่นักวิ่งมาราธอนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เข้าร่วมแข่งขันในนามทีมชาติกัมพูชา ก็เป็นขวัญใจไม่แพ้กัน
“เนโกะ ฮิโรชิ” นักแสดงตลกชาวญี่ปุ่นเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมรอบสนาม เมื่อเขาวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขันมาราธอนในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่นครริโอ เดอ จาเนโร ถึงแม้เขาจะเข้าเส้นชัยเป็นอันดับรองสุดท้าย แต่ความภาคภูมิใจที่ได้รับมีค่ายิ่งกว่าเหรียญรางวัล
นักวิ่งชาวญี่ปุ่นวัย 39 ปีผู้นี้ เปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวกัมพูชา ในปี 2011 มีชื่อจริงว่า คุนิอะกิ ทะกิซะกิ แต่ผู้คนส่วนใหญ่รู้จักเขาในชื่อที่ใช้ในวงการบันเทิงว่า “เนโกะ” ที่แปลว่า “แมว” ในภาษาญี่ปุ่น
นักแสดงตลกที่ผันตัวเองมาเป็นนักวิ่งมาราธอนรู้ดีว่า เขาไม่มีทางจะได้เป็นตัวแทนของประเทศญี่ปุ่นอย่างแน่นอน แต่เพื่อสานฝันไปโอลิมปิกของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจสละสัญชาติญี่ปุ่น เปลี่ยนเป็นสัญชาติกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม “ซูเปอร์แมว” จำเป็นต้องเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งรายการต่าง ๆ ในประเทศกัมพูชา และต้องแข่งกับนักวิ่งชาวเขมรหลายพันคน เพื่อให้ได้อันดับที่ดีที่สุดสำหรับการเป็นตัวแทนของประเทศกัมพูชา
เขาทุ่มเทความพยายามวิ่งต่อเนื่องนานหลายปี จนสามารถทำสถิติ 2 ชั่วโมง 44.02 นาที เข้าเส้นชัยเป็นที่ 1 ในการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่กัมพูชาในเดือนพฤษภาคม ปีนี้ และได้สิทธิ์เป็นตัวแทนของกัมพูชาเข้าแข่งขันในริโอ เกมส์ เป็นครั้งแรกในชีวิต หลังจากต้องพลาดหวังไม่ได้เข้าร่วมในลอนดอน โอลิมปิก เมื่อ 4 ปีก่อน เนื่องจากปัญหาเรื่องสัญชาติ
“เนโกะ ฮิโรชิ” ระบุว่า เขาเคยถูกวิจารณ์จากเพื่อนร่วมชาติชาวญี่ปุ่น เรื่องการเปลี่ยนสัญชาติเพื่อให้ได้เข้าแข่งขันโอลิมปิก แต่หลังจากชาวญี่ปุ่นได้เห็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของเขา ก็ได้หันมาสนับสนุนและให้กำลังใจ ขณะที่นักกีฬาชาวเขมรก็ยอมรับว่าเขาทุ่มเทเพื่อทีมชาติกัมพูชา
คณะกรรมโอลิมปิกแห่งกัมพูชา ระบุว่า เนโกะ ฮิโรชิ เป็นความภาคภูมิใจของกัมพูชา เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาส่งนักวิ่งมาราธอนเข้าแข่งขันในโอลิมปิก และเป็น “ซูเปอร์แมว” เป็นหนึ่งในนักกีฬาทีมชาติเขมรที่มีทั้งหมด 6 คน ในริโอเกมส์
ในการแข่งขันที่บราซิล เนโกะ ฮิโรชิ วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับรองสุดท้าย แต่ลีลาริมขอบสนามของเขาเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้คนได้มากมาย สถานีโทรทัศน์ NHK ของญี่ปุ่นก็ได้รายงานข่าวนักวิ่งผู้สละสัญชาติญี่ปุ่น เข้าร่วมแข่งขันให้กับทีมชาติกัมพูชา และได้รับเสียงชื่นชมจากชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก
นักวิ่งผู้นี้บอกว่า สิ่งที่เขาคาดหวังไม่ใช่เหรียญรางวัล แต่เขาต้องการเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชนของเขมร และเขาตั้งใจจะวิ่งต่อเนื่องไปจนถึงวันที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ในปี 2023 เพราะสิ่งที่บรรดานักวิ่งต่างเห็นพ้องต้องกัน คือ รางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การเอาชนะตัวเอง ด้วยการวิ่งจนถึงจุดหมาย.
