สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ
มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกครับว่าบางครั้งคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ต่างประเทศที่ไม่ใช่ Salaryman อาจจะเป็นพวกฟรีแลนซ์ พวกที่เกษียณแล้วอาศัยต่างประเทศ พวกที่เติบโตต่างประเทศ แล้วอาจทำธุรกิจส่วนตัว เป็นต้น ญี่ปุ่นประเภทดังกล่าวจะมีบางส่วนที่ไม่ต้องการมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นด้วยกัน
ครั้งที่แล้วที่ผมเล่าเรื่องการเดินทางแบบ Backpacker แล้วได้เจอป้ายตามที่พักนักเดินทางเขียนไว้หลายเรื่อง มีเรื่องหนึ่งที่เขียนว่า...♢長い旅をしたかったら、他人を信用するな! คือ ความหมายประมาณว่า ถ้าได้ลองเดินทางท่องเที่ยวไปหลาย ๆ ที่ ไปเห็นอะไรมามาก มีประสบการณ์มาก ๆ จะรู้ว่า อย่าไว้ใจคนนัก ถึงแม้ว่าคนเขียนอาจจะดูเหมือนคิดแง่ร้าย แต่ถ้ามองให้เห็นประโยชน์ก็ถือว่า มีคนมาแนะนำข้อคิดให้เรา เพราะบางครั้งไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจใครเลย แต่ก็ต้องมีขอบเขตและรู้อย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครสามารถทำตามใจเราได้ บางครั้งเรามีเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่อีกคนเค้าก็มีเหตุผลของเค้า ซึ่งมันอาจไม่เป็นไปในทางเดียวกันเท่านั้น ....มันแสดงให้เห็นว่าคนญี่ปุ่นบางส่วนไม่ได้ไว้ใจอะไรง่าย ๆ นัก แล้วก็อาจอยู่แบบโดดเดี่ยวโดยไม่ได้ต้องการเพื่อน ๆ คนญี่ปุ่นด้วยกันก็ได้
มีครั้งหนึ่งผมนั่งรถเมล์อยู่แล้วมีลุงกับป้ากลุ่มนึ่งขึ้นรถมายืนข้าง ๆ ที่นั่งผม ผมก็เลยได้ยินที่เขาพูดกันเป็นภาษาญี่ปุ่น ก็เลยรู้ว่าเป็นคนญี่ปุ่น สักพักมีโทรศัพท์เข้ามาที่ผมทำให้ผมต้องพูดภาษาญี่ปุ่นออกไป ลุงป้ากลุ่มนั้นคงเห็นว่าผมก็เป็นคนญี่ปุ่นด้วย สรุปอย่างไรรู้ไหมครับ พวกเขารีบเดินหนีหลบไปยืนห่าง ๆ จากที่ผมนั่งทันทีเลย
ก่อนหน้านี้ ผมเคยเล่าเรื่องคนญี่ปุ่นมีความอิจฉากันอยู่ลึก ๆ แต่บางคนก็อาจมีมุมที่ต้องการชื่นชมตัวเองบ้าง ผมเคยได้ยินข่าวหนึ่งมาจากเพื่อนคนหนึ่งเล่าให้ฟัง มีคนญี่ปุ่นคนหนึ่งร่ำรวยจากการขายหุ้นเมื่อหลายสิบปีก่อนนี้ แล้วมาอยู่เมืองไทย ก่อนมาเขาสอนวิธีซื้อหุ้นให้เพื่อนอีกคน แล้วเพื่อนคนนั้นก็ซื้อตามทุกอย่าง แต่ปรากฏว่า หุ้นตก ทำให้เพื่อนคนนั้นล้มละลาย ชายคนที่เสียหุ้นตามมาฆ่าคนสอนถึงเมืองไทย เพราะความแค้นและอิจฉานั่นเอง เพื่อนคนที่เล่าให้ผมคนนี้ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ กทม. เขายังเล่าอีกว่า บางทีเขาอยู่เมืองไทยก็เดินไปนู่นไปนี่ วันหนึ่งเพื่อนผมคนนี้ไปเดินจ็อกกิ้งแถวสวนสาธารณะในกรุงเทพมหานครแล้วไปทักคนญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เพื่อนผม : “ผมกำลังหาเพื่อนอยู่ มาเป็นเพื่อนกับผมได้ไหม !!!”
สรุปเป็นไงทายได้ไหมครับ คนญี่ปุ่นคนที่เจอเดินหนีครับ (・ω・` ) ก็เพื่อนผมเล่นไปถามกันตรง ๆ แบบนี้คนอื่นหนีแน่นอน ทั้ง ๆ ที่ถ้าใครรู้จักเพื่อนรุ่นพี่ผมคนนี้จะรู้ว่าเขามีโปรไฟล์ดีมาก เป็นมิตรกับคนทั่วไปด้วย เป็นคนเข้มแข็งมากด้วยนี่ถ้าผมเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ผมคงจะร้องไห้เลยถ้ามีคนเดินหนี ( ¯•ω•¯ ) แต่รุ่นพี่ Strong มากจริง ๆ
นี่แหละครับตัวอย่างที่เคยบอกว่า คนญี่ปุ่นบางทีก็ไม่ค่อยอยากสุงสิงกับคนญี่ปุ่นทั่วไป อีกเรื่องมีเพื่อนอีกคนมาเล่าให้ผมฟัง ว่า คุณ G (นามสมมติ) ถามถึงผมอีกแล้ว ส่วนตัวผมเองผมยังไม่เคยเจอคุณ G สักที ได้แต่ฟังเรื่องราวผ่านทางเพื่อนผมมาหลายปีแล้ว ผมจึงถามเพื่อนว่าผมไม่เคยเจอคุณ G เขาเป็นอย่างไรบ้าง เหตุที่คุณ G ถามถึงผมครั้งนี้เพราะเพื่อนผมคงไปเล่าให้คุณ G ฟังเรื่องที่ผมออกหนังสือเรื่อง “จิบชานินทาญี่ปุ่น” คุณ G ชมผมว่า เก่งจังเลยและตกใจว่าทำอย่างไร ผมจึงนึกย้อนกลับไปว่าผมเคยรู้จักอะไรเกี่ยวกับคุณ G บ้าง คือ คุณ G เป็นคนญี่ปุ่น มีอายุมากกว่าผมเล็กน้อย เขาไม่ชอบญี่ปุ่นจึงแสวงหาประเทศตะวันตกเป็นที่อาศัย อยู่สักพักจนได้ขอสัญชาติใหม่ ตอนหนุ่ม ๆ เขาตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อเก็บเงินก้อน แล้วฝากธนาคารที่ประเทศหนึ่งเพื่ออาศัยดอกเบี้ยนำมาใช้จ่ายประจำวัน ปัจจุบันนี้เขาไม่ได้ทำงานและอาศัยอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือของเมืองไทยครับ เขาบอกว่า ก่อนนี้พอได้สัญชาติต่างประเทศแล้ว ตามกฎหมายญี่ปุ่นต้องสละสัญชาติญี่ปุ่น เขาจึงเป็นสายเลือดญี่ปุ่นที่ถือสัญชาติต่างประเทศ ครั้งหนึ่งเขาต้องการกลับไปทำงานเก็บเงินที่ญี่ปุ่น ตอนที่ทำเรื่องที่ Immigration เขาบอกว่าพนักงานมองเขาไม่ดีเท่าไหร่เพราะเข้าใจว่าเป็นคนเกาหลีหรือจีน เพราะหน้าตาออกแนวนี้ แต่พอเห็นพาสปอร์ตว่าประเทศอะไร ก็มีท่าทีอ่อนลงเป็นคนละคน เขาบอกเขาไม่ค่อยชอบการถูกมองเเบบนี้เท่าไรนัก ซึ่งตอนนั้นผมสนใจอยากทำเรื่องเปลี่ยนสัญชาติอยู่พอดี เลยอยากถามข้อมูลเขาบ้าง แต่เพื่อนผมไม่อยากให้ผมติดต่อนัก ครั้งนั้นเขาบอกผ่านเพื่อนผมว่า “ไอ้ราชการ เรื่องแบบนี้ทำไมไม่เข้าใจ ทำไมไม่ทำเอง” ตอนนั้นผมเลยนึกสงสัยมาตลอดว่าทำไมเกลียดคนญี่ปุ่น...เรื่องราวผ่านไป จนกระทั่งเมื่อผมออกหนังสือแล้วเขามาถามเรื่องผมนี่แหละผมจึงจำเขาได้อีกครั้ง และเขาก็บอกเหตุผลในครั้งที่ผมเคยถามเรื่องสัญชาติว่า ที่เขาไม่บอกเพราะว่าถ้าบอกไป นิสัยคนญี่ปุ่นแล้วก็จะเอาเรื่องเขาไปพูดต่อ ซึ่งเขาไม่ชอบแบบนี้เลยตัดจบไม่บอกใคร เพราะเคยไว้ใจเล่าเรื่องเปลี่ยนสัญชาติให้เพื่อนญี่ปุ่นที่อยู่ทางเหนือฟัง สรุปว่าอีกไม่นานคนญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ก็รู้เรื่องเขาหมด
วันหนึ่งหลังจากนั้น ผมมีธุระต้องไปติดต่อที่สถานทูตญี่ปุ่น ก็ลงรถที่สถานีลุมพินี มีชายหนุ่มคนหนึ่งไม่ใช่คนไทย ไม่ใช่คนญี่ปุ่น น่าจะเป็นคนแถบ ๆ South Asia มาถามผมเป็นภาษาญี่ปุ่นสำเนียงดีว่า「すみません!アソック駅はどこですか!?」(´・д・`*) “ขอโทษครับ สถานีอโศกไปทางไหนครับ!?” ปกติผมสอนภาษาญี่ปุ่น จะพอรู้ว่าระดับภาษาของคนที่จะพูดสำเนียงญี่ปุ่นได้ขนาดนี้ ๆ น่าจะเรียนมานานแค่ไหน ซึ่งคนที่มาถามทางผมเนี่ยคงจะเรียนมาหลายปีมาก ผมแอบคิดไปว่าคนที่เก่งภาษาญี่ปุ่นได้ขนาดนี้น่าจะมีการเตรียมแผนและการเดินทางของตนมาบ้างโดยคงไม่ใช่ไม่รู้อะไรแน่ๆ แถมผมได้รับข้อมูลมาค่อนข้างเยอะว่าแถวลุมพินีถ้าเจอคนต่างชาติมาชวนคุยหรือถามนู่นนี่ ให้ระวังตัวไว้เพราะอาจถูกหลอกขายของผิดกฎหมาย ดังนั้นแล้วผมจึงพูดเป็นภาษาจีนไปว่า 「我不是日本人...!」( Wǒ búshì Rìběn rén.) “ผมไม่ใช่คนญี่ปุ่น..!” แล้วชายคนนั้นก็หนีไปเลยทีเดียว |・ω・`)ノ ∑(゚Д゚) อันที่จริงผมอยากพูดเป็นภาษาไทยไปเลยว่า คุณพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งขนาดนี้ ไม่รู้จักอโศกได้ยังไง!! แสดงเก่งไป จากเรื่องนี้เอง ผมเล่าให้เพื่อนผมฟัง เพื่อนคนนี้ไม่ชอบคนญี่ปุ่นเช่นกัน
Mr.Leon : ผมเจอคนต่างชาติพูดภาษาญี่ปุ่นเก่งมาก มาถามทางไปอโศก
เพื่อน : เอ็งตอบแปลกไปป่าว ไปตอบเป็นภาษาจีนว่าไม่ใช่คนญี่ปุ่น แล้วทำไมฟังภาษาญี่ปุ่นออกด้วย!
Mr.Leon : อืม จริงด้วย ผมอยากบอกว่า การไปอโศกง่ายมากนะ แล้วผมจะตอบเขาด้วยภาษาอะไรดี
เพื่อน : ตอบภาษาญี่ปุ่นสิ!"レ( ´∀` ;)
เพื่อนคนนี้ก็ไม่ชอบคนญี่ปุ่นเอามาก ๆ ตอนนี้เขาอยู่จังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของเมืองไทย ก่อนที่ผมจะย้ายมาอยู่เมืองไทยผมเคยนัดเขามาคุยหลาย ๆ เรื่อง คิดกันว่าจะนัดที่ไหนดี เลยบอกเขาว่า ไปล็อบบี้โรงแรมหรูแห่งหนึ่งไหม เขาบอกไม่ไป คนญี่ปุ่นเยอะ !!
สรุปเลยว่าคนญี่ปุ่นที่ไม่ใช่ลักษณะ サラリーマン Salaryman แบบญี่ปุ่นเช่นเพื่อนผม เขาพูดภาษาอังกฤษเก่งกว่าผม คุณ G เขาอยู่ต่างประเทศมาก่อนยิ่งพูดภาษาอังกฤษเก่ง คนญี่ปุ่นลักษณะนี้แม้ว่าจะอยากมีเพื่อนคนญี่ปุ่น แต่เขาก็เลือกจะไม่มี ไม่เหมือนคนไทยในต่างประเทศที่ยิ่งรวมกลุ่มกันได้ก็ยิ่งช่วยเหลือกัน วันนี้สวัสดีครับ