xs
xsm
sm
md
lg

Backpacker และเมื่อต้องโบกรถเที่ยวญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ

คนญี่ปุ่นสมัยก่อนไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวต่างประเทศกันมากนัก จนกระทั่ง ปี 1970 เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มบูมมาก คนญี่ปุ่นจึงเริ่มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนญี่ปุ่นทุกคนมีฐานะร่ำรวยนะครับ ณ ช่วงนั้นคนญี่ปุ่นที่ออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศก็มีทั้งไปกับทัวร์และพวก Backpacker เพื่อนๆ เคยเดินทางแบบ Backpacker ไหมครับ

Backpacker ความหมายจากวิกิพีเดีย ที่นี่ครับ https://en.m.wikipedia.org/wiki/Backpacking_(travel) พูดง่ายๆ ให้เห็นภาพคือ การแบกเป้หรือสัมภาระง่ายๆ ติดตัวเดินทางท่องเที่ยว โดยอาจจะเน้นที่ราคาประหยัด ไม่ว่าจะเรื่องที่พัก การเดินทางยานพาหนะ อาจมีการหาข้อมูลหลักๆ ที่จะไปล่วงหน้า แต่ก็ไม่ได้มีตารางยึดตายตัวเหมือนทัวร์ที่จัดให้คนไปท่องเที่ยวทั่วไป ชาว Backpacker เองอาจจะชื่นชมเมืองหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศที่ไปนานๆ เท่าที่ตนเองต้องการ คล้ายๆ กับเที่ยวไปเรื่อยๆ อย่างอิสระเสรี

เมื่อก่อนไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนๆ ทั่วโลกก็จะมีที่พักสำหรับเหล่า Backpacker ด้วย ตอนที่ผมเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ผมใช้ช่วงเวลา 4 ปีนี้เดินทาง Backpack ไปประเทศต่างๆ ขึ้นเหนือล่องใต้ ด้วยความที่ยังเป็นนักเรียนจำเป็นต้องใช้งบอย่างจำกัด ยังเคยไปพักที่พักที่ราคาถูกกว่า 3 ดอลลาร์สหรัฐ ( ประมาณราคาถูกกว่า 100 บาท ) เมื่อก่อนราคาที่พักที่ไปพักไม่ห่างจากนี้มากครับ บางทีผมยังนึกดีใจที่ได้มีประสบการณ์เช่นนี้ ในขณะที่สภาพร่างการยังสมบูรณ์และมีเวลา พูดถึงที่พักประเภทนี้เนี่ยตรงส่วนของฟร้อนท์ (ส่วนที่มีพนักงานต้อนรับ ) จะมีป้ายกระดานสำหรับให้แขกที่มาพักได้เขียนอะไรก็ได้ มีให้เขียนเกือบทุกที่ที่ผมเคยไปพักเลยก็ว่าได้ เขาเรียกกันว่า "情報ノート Jou hou - Note " ซึ่งในป้ายกระดานนี้มีข้อมูลมากมาย ป้ายนี้เป็นป้ายที่จะให้นักเดินทางมาเขียนเตือนคนอื่นๆ หรืออยากแนะนำอะไรๆ ก็เขียนลงไป ส่วนตัวผมเองผมชอบอ่านมาก สนุกและมีประโยชน์เยอะเลย

ป้ายกระดานจะบอกหลายเรื่อง เช่น เมืองไหนสนุก เมืองไหนน่าเบื่อ คนที่ไหนน่ากลัว เป็นต้น แล้วก็มักจะเป็นไปตามนั้นจริงๆ อ่านแล้วรู้เลยว่านัก Backpacker สมัยก่อน ฉลาด เก่ง มีไหวพริบมาก ซึ่งความคิดผมแล้วการที่บอกว่าเมืองไหนน่าเที่ยว ยังไม่น่าสนใจเท่าเมืองไหนหรือแหล่งท่องเที่ยวใดไม่ควรไป ที่ไหนอันตราย อย่างไร ควรระวังตัวอย่างไร เป็นต้น เพราะข้อมูลประเภทนี้อาจไม่ค่อยมีบอกในหนังสือท่องเที่ยวนัก นอกจากเมืองใหญ่ที่นักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปจะไปเที่ยวแล้ว อาจได้อ่านเรื่องน่าฟังจากเมืองเล็กๆ ที่มีเฉพาะ Backpacker ที่จะเสาะแสวงหาทางไป ตามเมืองเล็กๆ เหล่านี้บางที่ไม่มีโรงแรมใหญ่ๆ แต่ก็จะมีที่พักที่นัก Backpacker จะบอกต่อๆ กันด้วยข้อมูลดังกล่าว ผมจะยกตัวอย่างข้อความที่ผมยังประทับใจไม่ลืมมาให้เพื่อนๆ ฟังครับ เช่น

♢ บางที่พักจะมีที่สำหรับวางตู้เย็นสาธารณะที่แช่เครื่องดื่มไว้ คนที่ไปพักสามารถเลือกดื่มที่ตนเองต้องการและจ่ายเงินทีเดียวตอนเช็คเอ้าท์เลย จุดนี้ผมเห็นมีคนเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "มีคนไม่จ่ายเงินเยอะจนเจ้าของห้องโกรธมาก " !! แต่ผมทานแล้วจ่ายอยู่นะครับ กรณีให้หยิบของเองตามที่พักที่ญี่ปุ่นบางแห่งให้หยิบแชมพู แปรงสีฟัน อะไรแบบนี้ด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ เคยเจอไหมครับ

♢มีคนอังกฤษเขียนว่า "อย่าไปโตเกียว!! เพราะหน้าหนาวหนาวชิบ หน้าร้อนร้อนชิบ แล้วไม่มีใครพูดภาษาอังกฤษได้เลย !!" .. แล้วจากนั้นก็จะมีคนมาเขียนความเห็นต่อๆ กัน อ่านเพลินเลย แต่พูดถึงญี่ปุ่นหน้าหนาว ก็คงอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์ ถามว่าหนาวไหม สำหรับผม หนาวครับเพราะผมไม่ชอบความหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยก็อาจมีติดลบถึงเลขตัวเดียว แต่ถ้ามีลมพัดมาร่วมด้วยละก็ยิ่งหนาวทวีคูณ แต่ก็เข้าใจคนอังกฤษอะนะครับว่ามาจากเมืองหนาว มาเจอหนาวอีก แถมคนญี่ปุ่นก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ซะด้วย

แต่ถึงแม้ว่าคนญี่ปุ่นจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ แต่บางคนยังมีน้ำใจอยู่นะครับ เคยมีเพื่อนคนไทยเล่าให้ผมฟังว่า เคยหลงทางแล้วถามทางกลับป้าที่เจอข้างสถานีรถไฟ แล้วปรากฏว่าป้าแกพาเดินไปส่งที่ร้านที่จะไปเลยเชียว

♢ มีคนเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า "気をつかえないヤツは、金をつかえ" คนเขียนประโยคนี้น่าจะเป็นคนญี่ปุ่นนะครับ เขาบอกประมาณว่า "ถ้าไม่สามารถจะเกรงใจคนรอบข้างได้ ก็ให้ไปอยู่ในที่อื่น (ที่ที่ใช้เงินไม่ใช่ที่ที่ใช้จิตใจ) " คือถ้าคิดจะใช้วิถีแบบพอเพียงแบบ Backpacker บางทีอาจต้องนอนรวมกันกับเพื่อนคนอื่นๆ ก็ต้องรักษามารยาทและเกรงใจคนข้างๆ ด้วย ถือเป็นหลักสำคัญอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ไปจ่ายเงินนอนที่พักแพงๆ ส่วนตัวจะดีกว่า ทำนองนั้น

♢長い旅をしたかったら、他人を信用するな! คือความหมายประมาณว่า ถ้าได้ลองเดินทางท่องเที่ยวไปหลายๆ ที่ ไปเห็นอะไรมามาก มีประสบการณ์มากๆ จะรู้ว่า อย่าไว้ใจคนนัก ถึงแม้ว่าคนเขียนอาจจะดูเหมือนคิดแง่ร้าย แต่ถ้ามองให้เห็นประโยชน์ก็ถือว่า มีคนมาแนะนำข้อคิดให้เรา เพราะบางครั้งไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจใครเลย แต่ก็ต้องมีขอบเขตและรู้อย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครสามารถทำตามใจเราได้ บางครั้งเรามีเหตุผลอย่างหนึ่ง แต่อีกคนเค้าก็มีเหตุผลของเค้า ซึ่งมันอาจไม่เป็นไปในทางเดียวกันเท่านั้น

ไม่ใช่แค่การเดินทางแบบ Backpacker ไปต่างประเทศเท่านั้น เดินทางแบบค่ำไหนนอนนั่นในประเทศญี่ปุ่นเองผมก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าค่าเงินเยนสมัยนั้นดีมาก การที่ผมออกเดินทางไปต่างประเทศยังใช้เงินน้อยกว่าการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นมากทีเดียว ทำให้การเป็น Backpacker ในประเทศผมยิ่งประหยัดมากขึ้นไปอีก ตอนอายุประมาณ 18 ปี ผมเดินทางโดยการโบกรถจากโตเกียวจะไปเกียวโต เริ่มจากสถานนีชินจูกุ เดินเท้าไปสถานี 中野駅 Nakano station ตอนนั้นคนเยอะมากๆ แล้วนั่งรถไฟไป 日野市Hino city ตอนแรกนัดเพื่อนไว้ที่สถานีนี้แต่เค้าเปลี่ยนใจไม่ไปกับผม เพราะไม่กล้าโบกรถไป

จาก Hino ผมเริ่มการโบกรถ โดยมีลุงคนหนึ่งอายุประมาณ 60 ปีใจดีจอดรับผม และเรียกผมว่า お客さんOkyaku san ( ลูกค้า) ทุกคำ ลูกค้าแต่ผมไม่มีเงินจ่ายนะครับ (≧∇≦)พอใกล้จะถึง ทะเลสาบ 相模湖 Sagami-ko ลุงบอกว่า โอเกกุ ซัง ลงไปชมทะเลสาบสวยๆ ก่อนนะครับ แล้วก็ปล่อยผมลงที่นั้น!! ผมอุตส่าห์บอกลุงว่า ผมจะไปเกียวโตครับลุง แต่ลุงบอกว่า " ดูทะเลสาบดีกว่า!!!" ∑(゚Д゚) ที่นั้นเงียบมากทะเลสาบนะครับ ผมแทบจะร้องไห้ แต่โชคดีมีรถบรรทุกของ Hino น่าจะออกมาจากโรงงานพอดีจอดรับผม บอกจะไปก็ขึ้นมา ผมก็เลยรีบขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

คนขับรถ Hino หล่อเท่ห์เชียวพี่เค้าน่าจะอายุมากกว่าผมไม่กี่ปี รถบรรทุกไปถึงจังหวัดยามานะชิ 大月 Ōtsuki ผมก็อยากขอบคุณพี่เท่ห์นะครับที่รับผมมา มาส่งในป่าครับ พระเจ้า !! ผมเดินหาถนนและพยายามโบกต่อก็ไม่ค่อยมีคนจอดเลย ที่ยามานะชิเป็นเมืองที่ปลูกองุ่นพันธุ์อร่อยมาก มีลุงที่ขายองุ่นข้างทาง ถามว่าผมแบกเป้ใหญ่ขนาดนี้ จะไปไหนหรอพ่อหนุ่ม ผมบอกว่าไปเกียวโต ลุงและคนอื่นๆ ที่เจอบอกว่าจะไปเกียวโตมาทางยามานะชิผิดเส้นทางแล้วหนุ่ม ลุงใจดีให้องุ่นผมมาฟรีๆ หนึ่งพวง องุ่นที่นี่แพงมากนะครับแต่ลุงใจดีจริงๆ (´,,・ω・,,`)

จากยามานะชิ ได้มีลุงอีกคนจอดรับผมพาออกไปชิซูโอกะ จากนี้นี่เองเริ่มยากขึ้นแล้วเพราะไม่ค่อยมีใครจอดรับผมเท่าไหร่ รอนานมากแต่มีพี่ชายคนหนึ่งเขาน่าจะเป็นเซลล์แมนจอดรับผมไปส่งใกล้ๆ ซุปเปอร์แห่งหนึ่ง แล้วผมก็พยายามจะโบกรถต่อแต่ไม่มีเลย จนต้องไปเอากล่องกระดาษจากซุปเปอร์มาเก็ตมาเขียนว่า "เกียวโต" สักพักใหญ่ๆ มีรถคันหนึ่งมาจอด ปรากฎว่าคือพี่ชายเซลล์แมนมาจอดแล้วบอกว่า "อะไรของแก ยังไม่ไปไหนอีกเหรอ" จากนั้นพี่ก็พาผมไปส่งใกล้ๆ 浜松 Hamamatsu แล้วผมก็ต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเกียวโตจนได้...เห้อ (≧∇≦)....แต่ที่จริงมีเรื่องระหว่างทางสนุกๆ มากมายไม่รู้ว่าเพื่อนๆ สนใจฟังอีกไหมครับ ถ้าใครสนใจผมจะหาโอกาสเล่าอย่างละเอียดให้ฟังอีกทีครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น