ญี่ปุ่นพัฒนาบริการรถแท็กซี่เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศให้กับคนขับรถ,เพิ่มระบบความปลอดภัย รวมทั้งลดค่าโดยสารในระยะทางสั้น
รถแท็กซี่ในญี่ปุ่นเป็นบริการอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังเรียกใช้ยาก เนื่องจากคนขับรถส่วนมากยังไม่สามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ดีพอ รวมทั้งค่าโดยสารแพงกว่าระบบขนส่งอื่นๆ เช่น รถไฟ เป็นต้น
แต่ความจริงแล้ว รถแท็กซี่เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะถึงแม้ราคาจะแพงกว่ารถไฟ แต่บริการส่งถึงที่หมายโดยไม่หลงทาง และไม่ต้องแบกสัมภาระ นอกจากนี้ยังไม่ต้องปวดหัวกับการเปลี่ยนสายรถไฟซึ่งในเมืองใหญ่เป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก
กระทรวงคมนาคมของญี่ปุ่นได้ประกาศลดราคาค่าโดยสารแท็กซี่ในกรุงโตเกียวและนครโอซากาสำหรับระยะทาง 1-2 กิโลเมตรแรก อัตราตราค่าโดยสารปัจจุบันสำหรับรถแท็กซี่ในกรุงโตเกียวเริ่มต้นที่ 2กม.แรก 730เยน จะถูกปรับใหม่เป็น 1.16กม.แรก 460 เยน และหลังจากนั้นจะคิดราคา 90เยนทุกระยะทาง 280เมตร
รัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าการปรับอัตราค่าโดยสารนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่มีสัมภาระ รวมทั้งผู้สูงอายุให้ไม่ต้องเดินระยะสั้นๆ โดยมีผลการสำรวจพบว่าผู้โดยสาร 27 % นั่งรถแท็กซี่ในระยะทางแค่ 1.4 กม.แต่ต้องถูกคิดค่าโดยสารขั้นต่ำที่ 2กม.
การปรับอัตราค่าโดยสารนี้จะเป็นการทดลองใช้ชั่วคราวเฉพาะในเมืองใหญ่ ที่ค่าโดยสารแท็กซี่ค่อนข้างแพง
คนขับแท็กซี่สอบ TOEIC บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ
บริษัทแท็กซี่ญี่ปุ่นยังเร่งพัฒนาทักษะด้านภาษาต่างประเทศให้คนขับแท็กซี่ด้วย โดยคนขับแท็กซี่ในกรุงโตเกียวมากกว่า 30 รายสามารถทำคะแนนสอบ TOEIC หรือการสอบภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนานาชาติได้มากกว่า 700 คะแนน โดยทางรัฐบาลกรุงโตเกียวตั้งเป้าให้มีคนขับแท็กซี่อินเตอร์นี้มากกว่า 300 คนก่อนที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกในปี 2020
นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว คนขับแท็กซี่ญี่ปุ่นยังฝึกฝนภาษาจีนและภาษาเกาหลีด้วยเช่นกัน
รถใหญ่-รถเล็กเลือกได้ตามสะดวก ติดกล้องเพิ่มความปลอดภัย
บริษัทแท็กซี่ญี่ปุ่นยังปรับเปลี่ยนรถแท็กซี่ให้มีหลายขนาดเพื่อบริการลูกค้ากลุ่มต่างๆ ตั้งแต่รถขนาดเล็กที่มีค่าโดยสารถูกลง ไปจนถึงรถขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บสัมภาระได้มากขึ้น
หลายบริษัทยังแปลงโฉมแท็กซี่โดยใช้สีสันสดใส ลวดลายการ์ตูนเพื่อดึงดูดลูกค้า รวมทั้งแท็กซี่ไฮบริดที่ใช้ไฟฟ้าร่วมกับก๊าซ ซึ่งจะทำให้ค่าโดยสารถูกลงได้
รถแท็กซี่ในญี่ปุ่นยังนิยมติดตั้งกล้องวีดิโอเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์บนท้องถนนมากขึ้น โดยติดกล้องขนาดเล็กไว้ที่กระจกมองหลัง และเก็บภาพไว้นาน 2วัน แท็กซี่ในกรุงโตเกียวและนครโอซากา 96% มีกล้องบันทึกภาพ ซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญในยามเกิดอุบัติเหตุ หรือปัญหาระหว่างผู้โดยสารกับคนขับรถ.