เหตุก่อการร้ายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากหวั่นใจว่าประเทศของตนอาจตกเป็นเป้าของการก่อการร้ายเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะหลังจากการผ่านกฎหมายความมั่นคง ซึ่งทำให้กองทัพญี่ปุ่นอาจเกี่ยวพันกับความขัดแย้งระหว่างประเทศมากขึ้น
สถานทูตฝรั่งเศส ประจำญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียว มีการเพิ่มกำลังอารักขาอย่างเข้มงวดตามคำสั่งของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้เพิ่มการรักษาความปลอดภัยสถานที่และผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับฝรั่งเศส หลังจากกลุ่มนักรบรัฐอิสลาม หรือ IS ได้ก่อเหตุโจมตีหลายจุดที่กรุงปารีส จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
ที่ด้านหน้าสถานทูตฝรั่งเศสมีผู้นำดอกไม้ไปวางเพื่อไว้อาลัยแด่ผู้สูญเสียจากเหตุการณ์อันเหี้ยมโหด ขณะที่ผู้ที่จะผ่านเข้าไปในสถานทูตทุกคนจะต้องถูกตรวจสัมภาระและค้นร่างกายอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นกำลังตรวจสอบว่า มีพลเมืองญี่ปุ่นตกเป็นเหยื่อจากเหตุครั้งนี้หรือไม่? แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานชาวญี่ปุ่นได้รับผลกระทบใดๆ
ผู้นำญี่ปุ่นประณามเหตุก่อการร้าย ยกระดับการป้องกันประเทศ
นายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะ ซึ่งอยู่ที่นครอิสตันบูลเพื่อเข้าร่วมประชุมผู้นำกลุ่มประเทศชั้นนำ หรือ G-20 ประณามเหตุก่อการร้ายที่กรุงปารีสและระบุว่าญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกับประชาคมนานาชาติเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุก่อการร้าย
นายอะเบะ ยังเสริมว่า เหตุครั้งนี้ทำให้เห็นถึงความจำเป็นที่ญี่ปุ่นต้องปรับปรุงมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายภายในประเทศอย่างเร่งด่วน รวมทั้งสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยของประชาชนของตนในต่างประเทศ
เที่ยวบินไปปารีสอลหม่าน
เหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้น ณ กรุงปารีส ซึ่งเป็นเป้าหมายการเดินทางยอดนิยมแห่งหนึ่งของชาวญี่ปุ่น ทำให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมาก โดยที่สนามบินฮาเนดะ ทางสายการบินของญี่ปุ่นได้ติดป้ายประกาศว่า เที่ยวบินไปปารีสยังออกเดินทางตามกำหนดเวลา เนื่องจากทางการฝรั่งเศสยังเปิดให้บริการสนามบินตามปกติ หากแต่ได้แจ้งผู้โดยสารว่าเที่ยวบินอาจต้องบินไปลงที่สนามบินอื่นหรือบินกลับญี่ปุ่น หากรัฐบาลฝรั่งเศสมีคำสั่ง
ชาวญี่ปุ่นที่จะเดินทางไปฝรั่งเศสต่างตกใจและลังเลว่าจะเดินทางดีหรือไม่ หลายคนที่เดินทางมาถึงสนามบินแล้วก็ตัดสินใจเดินทางต่อ โดยบอกว่าจะระมัดระวังตัวเต็มที่ แต่ผู้โดยสารที่ยังไม่ถึงกำหนดเดินทางต่างพากันระงับการเดินทาง ขณะที่บริษัท JTB บริษัทนำเที่ยวใหญ่ของญี่ปุ่น ระบุว่าได้ระงับและเลื่อนทริปท่องเที่ยวฝรั่งเศสในช่วงระยะนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด
กฎหมายความมั่นคงชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน?
ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังกังวลว่าเหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้นอาจลุกลามมายังประเทศของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากรัฐบาลของนายกฯอะเบะผลักดันกฎหมายความมั่นคงที่ทำให้กองทัพญี่ปุ่นข้องแวะกับความขัดแย้งระหว่างประเทศมากขึ้น และรัฐบาลญี่ปุ่นยังแสดงท่าทีชัดเจนในการเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของสหรัฐฯ จนทำให้นายเค็นจิ โกะโตผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น และนายฮารุนะ ยูคาวะ ถูกนักรบ IS สังหารไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้สนับสนุนกฎหมายความมั่นคง ระบุว่า ภัยก่อการร้ายที่ชัดเจนเช่นนี้ยิ่งทำให้ญี่ปุ่นจำเป็นต้องลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมในการป้องกันตนเอง ซึ่งกฎหมายความมั่นคงจะทำให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถรับมือกับภัยคุกคามใหม่ได้มากขึ้น
แม่ผู้สื่อข่าวเหยื่อ IS วอนยุติความเกลียดชัง
นางจุงโกะ อิชิโด มารดาของนายเค็นจิ โกะโต ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นที่ถูกนักรบ IS สังหาร เรียกร้องให้ยุติห่วงโซ่แห่งความเกลียดชัง ทั้งการประหัตประหารด้วยอาวุธและการใช้คำพูดให้ร้ายกัน โดยเธอบอกว่าลูกชายถูกสังหารไปนั้นก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน และหวังว่าความขัดแย้งที่มีการใช้อาวุธสู้รบกันจะหายไปจากโลกนี้
ทั้งนี้ มารดาของนายโกะโต ได้ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NHK หลังจากที่สหรัฐฯปฏิบัติการโจมตีทางอากาศโดยพุ่งเป้าหมายยังจิฮาดี จอห์น สมาชิกกลุ่มนักรบรัฐอิสลามที่เชื่อกันว่าเป็นมือสังหารลูกชายของเธอ.