xs
xsm
sm
md
lg

สื่อญี่ปุ่นชี้ “ไทยยังไม่กลับคืนสู่ปกติ” หลังเหตุระเบิดที่ราชประสงค์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุนของญี่ปุ่น ชี้ว่าทางการไทยจำเป็นต้องหาคำตอบอีกมายมายเกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์มากกว่าจะเร่งรีบปิดคดี เพื่อให้ความมั่นใจด้านความปลอดภัยและคืนความสงบสุขให้กับประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

นายเรียวสุเกะ โอนะ หัวหน้าสำนักงานใหญ่ภูมิภาคเอเชียของหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ได้เขียนบทความระบุว่า หลังเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรมหมเอราวัญ ใจกลางกรุงเทพฯ จนถึงขณะนี้มาตรการรักษาความปลอดภัยในกรุงเทพฯยังหย่อนยานมาก โดยการตรวจสัมภาระผู้โดยสารรถไฟใต้ดินยังคงทำแบบขอไปที ขณะที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ได้ยกเลิกมาตรการตรวจกระเป๋าลูกค้าแล้ว

คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. บอกว่าสถานการณ์ในกรุงเทพฯ เข้าสู่สภาวะปกติแล้วหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดในใจกลางย่านการค้าที่คึกคึกที่สุดในกรุงเทพฯ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่า 150 ราย โดยตำรวจบอกว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่การวางแผน, จัดหาระเบิด และก่อเหตุอุกอาจใจกลางเมืองหลวงของไทย

อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนญี่ปุ่นตั้งข้อสังเกตุว่ายังมีประเด็นมากมายที่ทางการไทยยังไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความเกี่ยวข้องกับกลุ่มมุสลิมอุยกูร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยปฏิเสธว่า เหตุครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวชาวอุยกูร์ 109 กลับไปยังประเทศจีน แต่เป็นเพราะขบวนการค้ามนุษยที่เสียผลประโยชน์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นแล้วผู้ต้องหาที่เป็นชาวอุยกูร์นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร? และประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายหรือไม่?

ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นให้ข้อมูลว่า หลังจากทางการจีนได้ร่วมมือกับประเทศกลุ่มเอเชียกลางผ่านองค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ หรือ Shanghai Cooperation Organization เพื่อสกัดกั้นการอพยพของชาวอุยกูร์ไปยังตุรกี ประเทศไทยได้กลายเป็นเส้นทางใหม่ในการลำเลียงชาวอุยกูร์ที่ต้องการหนีออกจากประเทศจีน

ทางการจีนได้ติดต่อกับกระทรวงการต่างประเทศไทยเป็นประจำเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีน ซึ่งเหมือนจะเป็นการกดดันทางการไทยด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าทางคสช.ได้ตัดสินใจเรื่องการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีน โดยที่เจ้าหน้าที่ผู้รับชอบของกระทรวงการต่างประเทศแทบจะไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า เนื่องจากแกนนำคสช. ต้องการกระชับความสัมพันธ์กับจีน หลังจากบรรดาชาติตะวันตกรุมประณามการก่อรัฐประหารของคณะคสช.

สื่อมวลชนญี่ปุ่น มองว่า คสช.ไม่อาจจะยอมรับได้ว่าการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังจีนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ เนื่องจากจะทำให้รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกวิจารณ์ได้ว่าตัดสินใจผิดพลาด และจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย

คำถามเรื่องเหตุระเบิดมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรมุสลิมอุยกูร์แค่ไหน? เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากกลุ่มอุยกูร์ไม่เคยก่อการร้ายขนาดใหญ่นอกประเทศจีนมาก่อน ถึงแม้จะมีสมาชิกหัวรุนแรงบางคนเคยได้รับการฝึกอาวุธที่ชายแดนปากีสถาน-อัฟกานิสถานก็ตาม

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวจะถูกพิจารณาในศาลทหาร ซึ่งปกปิดจากสาธารณะ ก็จะยิ่งทำให้เบื้องหลังของเหตุสะเทือนขวัญนี้เลือนหายไปจากความทรงจำของประชาชน รวมทั้งข้อเท็จจริงบางประการอาจไม่ถูกคลี่คลาย

สื่อมวลชนญี่ปุ่นระบุว่า การสืบสวนแรงจูงใจที่แท้จริงในการก่อเหตุ รวมทั้งกระบวนการของศาลจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการหยุดยั้งการก่อการร้ายไม่ให้เกิดขึ้นได้อีก.
‘องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้’ที่นำโดย ‘รัสเซีย-จีน’พลิกโฉมเพิ่มน้ำหนักความเป็น‘เอเชีย’
องค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) ซึ่งประกอบด้วย รัสเซีย, จีน, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน, ทาจิกิสถาน, และ อุซเบกิสถาน มีมติในการประชุมซัมมิตเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้รับ อินเดีย และ ปากีสถานเข้าเป็นสมาชิกใหม่ รวมทั้งยังกำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางซึ่งเพิ่มความเป็นเอเชียมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าถึงแม้มีเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่าองค์การนี้กำลังมีความทะเยอทะยานในระดับโลกเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่า SCO จะสามารถขยับขยายอิทธิพลบารมีในทางระหว่างประเทศของตน และมีวิวัฒนาการเข้าสู่รูปแบบใหม่ที่มีความเป็นเอเชียเข้มข้นยิ่งขึ้นได้หรือไม่
กำลังโหลดความคิดเห็น