ผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น ยอมรับว่าความผันผวนของตลาดหลักทรัพย์จีนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนมีผลกระทบต่อญี่ปุ่นและโลกอย่างมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ชาติตะวันตกเคยประเมินไว้
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกตกอยู่ภายใต้ภาวะระส่ำระสาย โดยมีชนวนมาจากตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงอย่างมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ฉุดให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงกราดรูด รวมทั้งดัชนีนิคเคอิของญี่ปุ่นก็ร่วงต่ำกว่า 18,000 เยนเป็นครั้งแรกในรอบประมาณ 6 เดือน
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ของญี่ปุ่น ระบุว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนเกิดจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนหลังจากที่จีนลดค่าเงินหยวน และเกิดเหตุระเบิดหลายครั้งที่เทียนจิน ซึ่งเป็นเมืองท่าของจีน
ก่อนหน้านี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญเคยเตือนว่าเศรษฐกิจจีนอาจจะชะลอตัวอย่างรุนแรงถึงระดับ “ฟองสบู่แตก” เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีนและธนาคารใต้ดินมีหนี้เสียจำนวนมหาศาล หากแต่รัฐบาลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้อัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ตลาด รวมทั้งประกาศว่าจะดำเนินมาตรการปฏิรูปโครงสร้างเพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่น จนสามารถทำให้นักลงทุนเชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของจีนนั้นได้รับการบริหารจัดการอย่างดีโดยรัฐบาลจีน
แต่การร่วงลงอย่างรุนแรงของตลาดหุ้นจีนหลายครั้งในรอบไม่ถึง 2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่า ขั้วอำนาจต่างๆในแดนมังกรหรือกลุ่มทุนต่างชาติกำลังใช้เศรษฐกิจจีนเป็นเครื่องมือทำ “รัฐประหารทางอ้อม”
ความผันผวนจากแดนมังกรที่สั่นสะเทือนไปทั่วโลก ถึงกับทำให้นายโยะชิฮิเดะ ซุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ต้องแถลงยืนยันว่ารัฐบาลยังมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศ
นายซุงะ กล่าวว่าญี่ปุ่นกำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะไม่ล้ม และมีการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ G-7 นายซุงะกล่าวว่ากำไรสุทธิของบริษัทต่างๆในญี่ปุ่นอยู่ในระดับเกือบสูงเป็นประวัติการณ์ และจำนวนผู้ว่างก็ลดลงมาก จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
ด้านนายฮะรุฮิโกะ คุโระดะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกของญี่ปุ่น แต่ก็จะไม่ใช่ปัจจัยลบประการใหญ่ในด้านการส่งออกของญี่ปุ่นในช่วงหลายปีจากนี้
ทั้งนี้ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลจีนจะควบคุมความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ หากแต่เศรษฐกิจจีนก็จะชะลอตัวต่อไปอีก โดยมีแนวโน้มอัตราการเติบโต 6-7% ในปีนี้และปีหน้า
บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ญี่ปุ่นจำเป็นต้องหาช่องทางรับมือการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นเสาหลักของเอเชีย และทำให้อัตราการเติบโตลดลงทั่วเอเชีย รวมถึงญี่ปุ่นด้วย
รัฐบาลญี่ปุ่นคาดหวังว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นต่อไป โดยมีมหกรรมกีฬาโตเกียวโอลิมปิก 2020 เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญ หากแต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตุว่า นโยบายเศรษฐกิจแบบ “อะเบะโนมิกส์” นั้นเป็นเพียงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น โดยการผ่อนคลายทางการเงินและงบประมาณ แต่อัตราการเติบโตของญี่ปุ่นไม่อาจเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ หากปัญหาในโครงสร้างเศรษฐกิจไม่ได้รับการแก้ไข
แรงสั่นสะเทือนจากตลาดหุ้นจีนที่ส่งผลไปทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สะท้อนว่าแดนมังกรมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของโลกมากกว่าที่หลายคนเคยคาดคิดไว้ แม้แต่ญี่ปุ่นเองที่มีระบบเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาก่อน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะต้องพึ่งพาประเทศจีน ถึงแม้ว่าทั้งสองชาติจะมีความขัดแย้งทางการเมืองแบบร้าวลึก....นี่เองเป็นสาเหตุที่นายกรัฐมนตรีชินโสะ อะเบะ จำเป็นต้องจับมือกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงและปรับความสัมพันธ์กับจีน แม้ว่าอาจจะไม่เต็มใจก็ตาม.