xs
xsm
sm
md
lg

รถไฟ...ทูตมรณะยอดนิยมของชาวญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหตุการณ์ที่ชายชาวญี่ปุ่นจุดไฟเผาตัวตายกลางรถไฟชินคันเซน สะท้อนว่าการฆ่าตัวตายยังคงเป็นเงามืดในแดนอาทิตย์อุทัย ทั้งๆที่หลายคนเชื่อว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความสุขในชีวิตมากที่สุด โดยชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังเลือกจบชีวิตของตัวเองบนรางรถไฟ ซึ่งแฝงเร้นไปด้วยเหตุผลเบื้องหลังมากมาย

สถิติล่าสุดของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2013 ระบุว่ามีผู้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเองมากกว่า 27,000 ราย ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในโลก วิธีที่ชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายมากที่สุด คือ การผูกคอตาย หากแต่อีกวิธีการหนึ่งที่ชาวญี่ปุ่นนิยมใช้จบชีวิตตัวเองมากรองลงมา คือ การกระโดดให้รถไฟชน โดยในแต่ละปีมีชาวญี่ปุ่นที่ฆ่าตัวตายด้วยรถไฟมากกว่า 600 กรณี
สถิติชาวญี่ปุ่นฆ่าตัวตายปีละมากกว่า 20,000 คน

ทำไมเลือกใช้รถไฟเป็น “ทูตมรณะ”

รถไฟเป็นพาหนะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่นมากที่สุด เพราะชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้รถไฟในการเดินทาง ดังนั้นการตัดสินใจจบชีวิตด้วยรถไฟจึงเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวชาวญี่ปุ่นมาก นักจิตวิทยาได้อธิบายเบื้องหลังของการเลือกใช้รถไฟเป็นทูตมรณะว่า เป็นเพราะผู้ตายต้องการระบายความคับแค้นที่มีต่อสังคมอย่างถึงที่สุด

วัฒนธรรมญี่ปุ่นให้ความสำคัญมากกับ ความเกรงใจ ชาวญี่ปุ่นจะถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าไม่ควรรบกวนหรือสร้างความยุ่งยากให้กับผู้อื่น แต่การจบชีวิตบนรางรถไฟเป็นวิธีที่ส่งผลกระทบกระเทือนต่อผู้คนในวงกว้างมากที่สุด

เหตุการณ์ชาวญี่ปุ่นจุดไฟเผาตัวตายกลางรถไฟชินคันเซนเมื่อวานนี้ ทำให้รถไฟตั้งแต่กรุงโตเกียวจนถึงนครโอซากาล่าช้าทั้งระบบ ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 30,000 คน คนธรรมดาคนหนึ่งซึ่งไม่เคยได้รับความสำคัญ และไม่เคยมีตัวตนในสายตาของคนรอบข้าง แต่การจบชีวิตของเขาได้ส่งผลสะเทือนต่อคนจำนวนมหาศาล นี่อาจเป็นวิธีการ “ประกาศตัวตน” ครั้งสำคัญและครั้งสุดท้ายในชีวิตของเขา

นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นยังอธิบายว่า การเลือกจบชีวิตในสถานที่สาธารณะ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ตายไม่พึงพอใจสังคมอย่างมาก

“หากเลือกที่จะฆ่าตัวตายอย่างโดดเดี่ยวภายในบ้านของตัวเองก็จะไม่มีใครรู้ โลกนี้จะมีฉันหรือไม่มีก็ไม่แตกต่างกัน แต่การจบชีวิตตัวเองในที่สาธารณะเหมือนเป็นการประกาศตัวตนว่าฉันมีตัวตน ถึงจะตายไปก็ตายแต่ตัว แต่ภาพวาระสุดท้ายในชีวิตของฉันจะยังติดตาตรึงใจผู้คนจำนวนมาก”  นักจิตวิทยากล่าว

ชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งที่รอดชีวิตจากการฆ่าตัวตาย เขียนบันทึกความทรงจำว่า “ในสังคมญี่ปุ่นจะก้าวหน้าในชีวิตแค่ 30 เซนติเมตรยังลำบากยากเข็ญ แต่การก้าวลงรางลงไฟแค่ก้าวเดียวกลับสามารถสร้างความสั่นสะเทือนยิ่งใหญ่ให้กับสังคมได้”

อย่างไรก็ตาม กฎหมายของญี่ปุ่นระบุว่าผู้ทีฆ่าตัวตายโดยรถไฟ ถือว่าสร้างความเสียหายให้กับระบบคมนาคม และครอบครัวของผู้เสียชีวิตจะต้องจ่ายค่าชดเชยจำนวนมหาศาลให้กับบริษัทรถไฟ
สาเหตุหลักของการฆ่าตัวตาย คือ ปัญหาสุขภาพ และการเงิน
หนุ่มสาวฆ่าตัวตาย สังคมอับเฉา

สถิติขององค์การพัฒนาเอกชนของญี่ปุ่น พบว่า อัตราการฆ่าตัวตายของหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นอายุ 15-39 ปีสูงที่สุดในโลก ทั้งๆที่วัยนี้น่าจะเป็นช่วงที่สดใสที่สุดในชีวิต หากแต่หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นกลับเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองก่อนวัยอันควร

ผลการสำรวจพบว่า หนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มีแนวโน้มฆ่าตัวตายมากที่สุดในโลก เนื่องจากระบบการเรียนและการทำงานของทั้งสองประเทศใกล้เคียงกัน คือ มีความกดดันมาก, เคร่งครัดในระบบอาวุโส และต้องทำงานอย่างหนัก ทำให้หนุ่มสาวจำนวนมากไม่สามารถทนรับได้อีกต่อไป
ป้ายเตือนให้ผู้ที่จะฆ่าตัวตาย คิดถึงครอบครัวที่อยู่เบื้องหลัง

“ชีวิตมีค่า โปรดคิดถึงครอบครัว”


รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกกฎหมายป้องกันการฆ่าตัวตายในปี 2007 เพื่อหวังลดสถิติการฆ่าตัวตายที่สูงมาก กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่การป้องกันการกลั่นแกล้งในโรงเรียน, ลดความรุนแรงในครอบครัว ไปจนถึงการจำกัดเวลาทำงานล่วงเวลาอย่างเคร่งครัด และการให้คำปรึกษาจากนักจิตวิทยาโดยรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ทำให้การฆ่าตัวตายมีแนวโน้มลดลง จนกระทั่งเกิดเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิถล่มเมื่อปี 2011 ทำให้ผู้ประสบภัยชาวญี่ปุ่นมากกว่า 110 คนตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียบุคคลที่รัก นอกจากนี้ยังรวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐและโรงไฟฟ้าฟูกุชิมะจำนวนหนึ่ง ที่ฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกผิดที่ไม่อาจทำหน้าที่ป้องกันชีวิตของประชาชนได้.

สังคมญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวหรือคนนอกมองว่า อ่อนโยน สงบสุข และมีความสุขนั้น ความจริงแล้วเต็มไปด้วยการแบ่งแยกกีดกัน รวมทั้งการแข่งขันกันอย่างสูง ทำให้ผู้คนเต็มไปด้วยความกดดัน บางคนใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถจะมีตัวตนในสังคม บางคนทุ่มเทอย่างหนักแต่ก็ไม่อาจจะหาความก้าวหน้าได้ ระบบเช่นนี้เคยผลักดันให้ญี่ปุ่นพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว หากแต่ “ความหมายของชีวิต” กลับเป็นสิ่งที่ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยังคงแสวงหาอยู่จนถึงทุกวันนี้.

อ่านข่าวประกอบ: ชายญี่ปุ่นจุดไฟเผาตัวตายบนรถไฟ “ชินคันเซ็น” ดับ 2 ศพ
กำลังโหลดความคิดเห็น