ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชายังคงปกคลุมหนาแน่นในช่วงบ่ายของวันที่ 10 ธันวาคม 2568 เมื่อ นายซัวส์ ยารา ที่ปรึกษาอาวุโสของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ให้สัมภาษณ์แบบวิดีโอคอลจากกรุงพนมเปญกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยระบุว่า หากทั้งสองประเทศตกลงร่วมกัน กัมพูชาสามารถขึ้นโต๊ะเจรจาหยุดยิงได้ภายในหนึ่งชั่วโมง พร้อมย้ำว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดในการหยุดยั้งความสูญเสียที่กำลังขยายตัว แต่เงื่อนไขสำคัญคือไทยต้องแสดงความจริงใจ ก่อนเริ่มกระบวนการทางการทูตครั้งใหม่
.
นายซัวส์กล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า เวลานี้กัมพูชาจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน เพราะการดับไฟที่กำลังก่อตัวริมเส้นเขตแดนจำเป็นต้องอาศัยเจตนารมณ์ร่วมกัน มิใช่การเดินหน้าเพียงฝ่ายเดียว พร้อมทิ้งน้ำเสียงให้ตีความว่า ความเชื่อมั่นระหว่างทั้งสองประเทศยังไม่กลับมาเต็มร้อย หลังสถานการณ์ปะทุขึ้นอีกครั้งในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
.
รายงานระบุว่า บริเวณแนวปะทะหลายจุดยังคงมีเสียงปืนและแรงสั่นสะเทือนจากการยิงตอบโต้เป็นระยะ ท่ามกลางการกล่าวหาโต้กลับระหว่างไทยและกัมพูชาว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เคยทำหน้าที่เป็นคนกลางเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ก่อนความไว้เนื้อเชื่อใจจะสั่นคลอนจากเหตุลอบวางระเบิดหลายครั้งในเขตพิพาท จนนำไปสู่การประกาศถอนตัวของไทยจากข้อตกลงดังกล่าว
.
ด้านสหรัฐฯ รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่ลุกลามรวดเร็ว พร้อมเรียกร้องให้ไทยและกัมพูชาวางอาวุธทันที โฟกัสที่การคุ้มครองประชาชน และกลับไปใช้มาตรการลดความตึงเครียดตามกรอบเดิมที่เคยร่วมกันยอมรับ
.
ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยยังยืนยันจุดยืนว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดสนธิสัญญามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการวางกับระเบิดเพิ่มในพื้นที่พิพาท ซึ่งหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อน ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส และกลายเป็นชนวนสำคัญที่ทำให้ไทยถอนตัวจากข้อตกลงหยุดยิง ทว่ากัมพูชาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและยืนยันว่ายังปฏิบัติตามข้อตกลงเมื่อเดือนตุลาคมอย่างเคร่งครัด
.
สถานการณ์ล่าสุดจึงยังต้องจับตาว่า ความพยายามเปิดเส้นทางการเจรจาที่พนมเปญยื่นให้ จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลาย หรือเพียงสัญญาณที่ถูกกลบด้วยเสียงปะทะที่ยังคงดังขึ้นเป็นระยะตามแนวพรมแดนทั้งสองฝั่ง


