รอยเตอร์ - กัมพูชาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาทวิภาคีกับไทยโดยทันทีเพื่อยุติความขัดแย้งชายแดน ที่ปรึกษาระดับสูงของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าววันนี้ (9) ตามการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ หลังจากที่สองประเทศเพื่อนบ้านกล่าวหากันว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เป็นคนกลาง
ทั้งสองประเทศยิงใส่กัน รวมถึงการใช้ปืนใหญ่ ตามแนวชายแดนทางบกยาว 817 กิโลเมตร เป็นวันที่ 2 ของการสู้รบ หลังจากการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันเพื่อยุติการปะทะรอบก่อนล้มเหลว
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และผู้คนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนจากทั้งสองฝั่งในช่วง 2 วัน ที่การสู้รบดุเดือดกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้ง
“สมมติว่าอีกหนึ่งชั่วโมงต่อจากนี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกลับมาที่โต๊ะและจากนั้นก็เริ่มหารือ นี่เป็นความคิดที่ดีมาก” สุส ยารา ที่ปรึกษาอาวุโสของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต กล่าวกับรอยเตอร์ในการให้สัมภาษณ์ทางวิดีโอจากกรุงพนมเปญ
อย่างไรก็ตาม สุส ยารา กล่าวว่ากัมพูชาจะไม่เป็นผู้ริเริ่มกระบวนการนี้เอง
“เราต้องได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย” สุส ยารา กล่าวเสริม
ในการให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ในวันอังคาร รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวว่า กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจและดำเนินการเพื่อลดความตึงเครียดก่อน โดยตัดความเป็นไปได้ของการไกล่เกลี่ยโดยบุคคลที่ 3
ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย เข้าร่วมในการเจรจาในเดือนก.ค. เพื่อยุติการสู้รบ ซึ่งในขณะนั้นได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 48 ราย ผู้นำสหรัฐฯ และมาเลเซียได้เข้าร่วมการลงนามข้อตกลงหยุดยิงในเดือนต.ค.
มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในวันอังคารว่า วอชิงตันมีความกังวลเกี่ยวกับสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา
“เราขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ยุติการสู้รบโดยทันที คุ้มครองพลเรือน และให้ทั้งสองฝ่ายกลับมาใช้มาตรการลดความตึงเครียด” รูบิโอระบุในคำแถลง
ไทยกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดข้อตกลง รวมถึงการวางทุ่นระเบิดใหม่ และเมื่อเดือนที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุทุ่นระเบิดระเบิดที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ไทยได้ถอนตัวออกจากข้อตกลง
กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพเดือนต.ค.
รอยเตอร์ได้รายงานว่าทุ่นระเบิดบางส่วนที่พบในพื้นที่ชายแดนน่าจะเป็นทุ่นระเบิดที่เพิ่งวางใหม่ โดยอ้างอิงจากการวิเคราะห์ของผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัสดุจากที่กองทัพไทยได้เผยแพร่
“ทุ่นระเบิดไม่ใช่ข้ออ้างในการทำสงคราม” สุส ยารา กล่าว
กองทัพไทยที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีอาวุธที่ดีกว่ากัมพูชา ได้ตั้งเป้าที่จะทำลายขีดความสามารถทางทหารของประเทศเพื่อนบ้าน
นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ของไทยกล่าวว่ากองทัพได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล และตัดความเป็นไปได้ที่จะเจรจาท่ามกลางการสู้รบที่ยังคงดำเนินอยู่
สุส ยารา ระบุว่าเป็น “สถานการณ์ที่ทุกฝ่ายมีแต่เสียกับเสีย” และกล่าวว่าทั้งสองประเทศจะเป็นเพื่อนบ้านกันเสมอ ดังนั้น ควรที่จะมีฉันทมติร่วมกัน.


