ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 สถานการณ์ตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาทวีความร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังสำนักข่าว CNN ของสหรัฐอเมริกาเผยแพร่รายงานด่วน ระบุว่าไทยได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกัมพูชา ท่ามกลางการปะทะรุนแรงระลอกใหม่ที่ปะทุขึ้นในพื้นที่พิพาท ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความสั่นคลอนของข้อตกลงสันติภาพที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ผลักดันเมื่อสองเดือนก่อน
.
รายงานของ CNN ระบุในเชิงสนับสนุนการกล่าวอ้างจากฝ่ายกัมพูชา โดยระบุว่าสถานการณ์การสู้รบเกิดขึ้นจากปฏิบัติการทางอากาศของไทย และโยงเหตุการณ์นี้เข้ากับความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้นของกระบวนการไกล่เกลี่ยซึ่งสหรัฐฯ เคยคุ้มครองไว้ พร้อมทั้งเผยแพร่ภาพกราฟิกหัวข่าวตัวหนาบนพื้นหลังสีดำ ระบุข้อความว่า “THAILAND LAUNCHES AIRSTRIKES ON CAMBODIA AS TRUMP’S PEACE AGREEMENT HANGS IN BALANCE” หรือ “ไทยเปิดฉากโจมตีทางอากาศกัมพูชา ขณะที่ข้อตกลงสันติภาพของทรัมป์ยังไม่ลงตัว”
.
รายงานดังกล่าวสร้างแรงสะเทือนในโลกออนไลน์ทันที เนื่องจากเนื้อหาและน้ำเสียงของสื่ออเมริกันถูกมองว่าเอียงเข้าข้างกัมพูชาอย่างชัดเจน ทั้งยังนำเสนอภาพรวมสถานการณ์ในลักษณะที่โยนความรับผิดชอบให้ฝ่ายไทยเป็นผู้จุดชนวนก่อน แม้ในพื้นที่ชายแดนจะมีรายงานจากแหล่งข่าวท้องถิ่นของไทยว่าสถานการณ์ก่อนหน้าเกิดจากการยิงปืนใหญ่ข้ามแดนมาจากฝั่งกัมพูชา จนทำให้ไทยต้องตอบโต้เพื่อป้องกันฐานที่มั่นและกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ
.
ขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้รายงานของ CNN อย่างเป็นทางการ แต่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงหลายฝ่ายยอมรับว่าการนำเสนอข่าวเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในสังคมนานาชาติ โดยเฉพาะในช่วงที่ความขัดแย้งชายแดนกำลังอยู่ในระยะเปราะบาง และการตีความจากสื่อต่างชาติอาจมีผลต่อท่าทีของประเทศมหาอำนาจต่อวิกฤตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
.
เหตุการณ์ครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการปะทุของไฟความขัดแย้งในพื้นที่เท่านั้น หากยังกลายเป็นสนามประลองวาทกรรมในเวทีสื่อระดับโลก ที่ทำให้ความตึงเครียดทางทหารพัวพันเข้ากับการเมืองระหว่างประเทศ และตั้งคำถามต่อบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยที่อ้างว่าผลักดันสันติภาพให้ทั้งสองประเทศ
.
สถานการณ์ยังคงต้องติดตามใกล้ชิด ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทั้งไทย กัมพูชา และสหรัฐฯ อาจเปลี่ยนทิศได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เมื่อภาพของสงครามข่าวและสงครามชายแดนเริ่มซ้อนทับกันชัดเจนมากขึ้นในภูมิภาคที่เปราะบางที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย


