มีรายงานว่า นายเศรษฐาและ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้พูดคุยกันในหลายประเด็น หลังจากนั้นนายกฯ ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าหารือ เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะอำนาจของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในเรื่องตำแหน่งสำคัญ ซึ่งหากจะกำหนดบทลงโทษต่างๆ ต้องให้ขึ้นอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีผู้บังคับบัญชาโดยตรงคือ รักษาการ ผบ.ตร.
.
ต่อมาเวลา 15.25 น. นายเศรษฐา ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล โดยมีรายงานว่านายเศรษฐา ได้ทำหนังสือส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังจากที่มีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ กรณีเกิดความขัดแย้งกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.
.
หลังจากนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ได้ลงนามในคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากถูกดำเนินคดีอาญา ตามข้อกล่าวหาฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ พร้อมตำรวจอีก 4 นาย ที่ถูกให้ออกราชการไว้ก่อนเช่นกัน ได้แก่ พ.ต.อ.กิตติชัย สังขถาวร รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่ งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร. และ ส.ต.อ.ณัฐนันท์ ชูจักร ผบ.หมู่ สายตรวจ 3 บก.จร.
.
นอกจากนี้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัย ที่อาศัยจากรายงานการสืบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน บช.น. หลังพบตำรวจกระทำความผิดในคดีดังกล่าว ประกอบกับศาลพิจารณาออกหมายจับผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และตำรวจอีก 4 นาย มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ในคำสั่งดังกล่าวได้ตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
.
ต่อมา เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 18 เมษายน ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระเเสข่าวว่ามีการให้พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร. ) ให้ออกจากราชการ และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยซึ่งพบว่ามีความผิดจริง
.
โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า วันนี้ตนได้รับรายงานแล้วว่า พฤติการณ์ในคดีกับความร้ายเเรงในคดีที่ พนักงานสอบสวน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้ตั้งขึ้นมานั้นว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และข้าราชการตำรวจอีก4 นายนั้น มีความผิดจริง จึงได้มีความเห็นให้ตนปฏิบัติตามพรบตำรวจแห่งชาติ ใน มาตรา131 ซึ่งเป็นกรณีที่ข้าราชการตำรวจต้องหาคดีอาญาประกอบกับการ พิจารณาว่า จะกระทำผิดวินัยร้ายแรงหรือไม่มาประกอบกัน ซึ่งก็ได้มีการพิจารณาอย่างเป็นทางการแล้วว่ามีความร้ายแรงขอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการ สอบสวน พิจารณาความวินัยตามพรบตำรวจแห่งชาติ
.
โดยคาดการณ์แล้วว่าการสอบสวนของคณะกรรมการนั้นคงจะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว ตนเลยได้มีการเซ็นให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักและออกจากราชการไว้ก่อนทุกรูปแบบ ซึ่งตนในฐานะรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจตาม ม.105 และ ม.108 ที่มีอำนาจเช่นเดียวกับ ผบ.ตร. ซึ่งตนเป็นผู้ลงนามใน 2 คำสั่งนี้
.
เเต่ตามขั้นตอนจะต้องรายงานมีการรายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ เพราะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ออกคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปปฎิบัติหน้าที่ที่ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีได้มีการลงนามให้ส่งตัวกลับมายังสำนักงานตำรวจเเห่งชาติมาตามระเบียบ
.
โดยการสั่งออกจากราชการไว้ก่อน มีผลตั้งเเต่ 18 เมษายน ทันที โดยกระบวนการออกจากราชการนั้นยังต้องดำเนินการตามกระบวนการตาม พรบ. ตำรวจเเห่งชาติ โดยกฎก.ตร. และ กฎหมายตำรวจเเห่งชาติได้บัญญัติกรอบเวลาไว้ 270 วัน ทั้งกระบวนการตรวจสอบเเละการขยายเวลา ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอน
.
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยืนยันว่า ไม่ได้กังวลหรือหวั่นไหวใดๆ เพราะ ทำงานตามระเบียบ รวมถึงตตนแม้จะเป็นแคนดิเดตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเช่นเดียวกับ แต่ไม่ได้สนใจ เพราะ ตอนนี้มีบทบาทหน้าที่เป็นรักษาราชการแทน ก็ต้องทำงานตามขั้นตอน
.
ส่วนคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ตอนนี้เป็นคดีอยู่ที่ สน.เตาปูน ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งคดีของผบ.ตร. นายกรัฐมนตรีต้องเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ เป็นตำแหน่ง ผบ.ตร.
.
#บิ๊กต่าย #บิ๊กโจ๊ก #ให้บิ๊กโจ๊กออกจากราชการไว้ก่อน #สุรเชษฐ์หักพาล #เว็บพนัน #ฟอกเงิน