ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2566 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกทั้งสิ้น 1 ปี (นับจาก 22 ส.ค.66)
หลักเกณฑ์พักโทษ “นช.ทักษิณ”
หลังอภัยลดโทษเหลือคุกทั้งสิ้น 1 ปี (นับจาก 22 ส.ค.66)
วิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกฯ และ รมว.ยุติธรรม ระบุว่า “นช.ทักษิณ” มีสิทธิ “นักโทษเด็ดขาด” รายอื่นทุกประการ
ทักษิณ = ผู้ต้องขังสูงวัย+เจ็บป่วยเรื้อรัง “อาจ” เข้าเกณฑ์ “พักโทษ” ตามกฎกระทรวง แห่ง พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
“เงื่อนไข” ต้องรับโทษอย่างน้อย 1 ใน 3 (ราว 4 เดือน ครบ 4 เดือน 22 ธ.ค.66) มาตรา 52(7) แห่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560
“พักโทษ” = ได้รับการปล่อยตัวก่อนวันครบกำหนดโทษ เพื่อให้ไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวหรือสังคม ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้
“พักโทษ” มี 2 แบบ 1.พักการลงโทษกรณีปกติ และ 2.พักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ
หาก “นช.ทักษิณ” เข้าเกณฑ์ “พักโทษ” คาดว่า “การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ” ซึ่งเป็นการพิจารณาพักการลงโทษให้แก่นักโทษเด็ดขาดที่มีคุณสมบัติตามกฎหมาย
โดยจะมีขั้นตอนเริ่มจาก กรมราชทัณฑ์
รับเอกสารประกอบการพิจารณาจากเรือนจำ-สรุปข้อมูล-จัดทำบัญชีรายชื่อเสนอที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ - (หากเป็นการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ) ต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุมัติ - กรมราชทัณฑ์แจ้งผลการพิจารณาไปยังเรือนจำ
หาก “เห็นชอบ” พักการลงโทษ
เรือนจำแจ้งเงื่อนไขการคุมประพฤติ - ปล่อยตัว - ประสานกับสำนักงานคุมประพฤติ พนักงานฝ่ายปกครอง หัวหน้าสถานีตำรวจ กรมราชทัณฑ์ - กรมราชทัณฑ์นำตัวไปรายงานต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ ภายใน 3 วัน เพื่อนัดหมายการรายงานตัวรายเดือน - หากนักโทษทำตามเงื่อนไข โดยไม่ได้กระทำความผิดใดจะได้รับใบบริสุทธิ์ - แต่ถ้ากระทำผิดเงื่อนไขก็จะถูกเพิกถอนการคุมประพฤติและส่งกลับมายังเรือนจำ
กรณี “นช.ทักษิณ” เป็นผู้ต้องขังสูงวัยที่ป่วยรุมเร้าด้วย 4 โรคเรื้อรัง อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นไปได้ว่าจะไม่เข้าข่ายต้องติดกำไล EM ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพนักงานคุมประพฤติ
“นช.ทักษิณ” อาจพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวทันที กรณีเข้าข่ายการพระราชทานอภัยโทษเป็นการทั่วไป ในวาระโอกาสสำคัญ เช่น วันที่ 13 ต.ค. หรือ วันที่ 5 ธ.ค. ต้องดูรายละเอียดแนบท้าย
คาดว่า “นช.ทักษิณ” จะได้พักโทษ หรือพ้นโทษ ช่วงเดือน ธ.ค.66
ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเรื่อง “พระราชอำนาจ”
