กินกล้วยไม่ช่วยป้องกันโควิด-19
ช่วงที่มีโรคระบาดแบบนี้ มีการแชร์อาหารและของกินหลายอย่างที่เชื่อกันว่าจะช่วยป้องกันและรักษาโควิด-19 ได้ ซึ่งตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่มีการศึกษาไว้ บางอย่างสามารถช่วยป้องกันได้บ้าง แต่บางอย่างก็ไม่เป็นความจริง
ต่อไปนี้คือ 5 ความเชื่อผิดๆ ที่คนมักจะแชร์กัน พร้อมข้อเท็จจริงของอาหารเหล่านั้น
กล้วยน้ำว้าก็อร่อย
กิน “กล้วย” ช่วยป้องกันโควิด-19
สิ่งที่แชร์กันก็คือคลิปที่บอกว่าการกิน “กล้วย” นั้นช่วยรักษาโควิด-19 ได้ โดยในช่วงต้นของคลิปเป็นการรายงานข่าวของสำนักข่าว ABC News ประเทศออสเตรเลียที่กล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อต้านไวรัสโคโรนาของนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย จากนั้นในคลิปมีภาพของกล้วย รวมถึงภาพของนักวิจัย พร้อมทั้งข้อความที่บอกว่า นักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียได้พิสูจน์ว่ากล้วยจะช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เนื่องจากกล้วยเป็นแหล่งใหญ่ของวิตามิน B6 และจะช่วยป้องกันโคโรนาไวรัสได้ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า "กินกล้วยวันละลูก ช่วยให้ไวรัสโคโรนาหนีหาย" (Having a banana a day keeps the Coronavirus away)
ทั้งนี้คลิปดังกล่าวเป็นข่าวปลอมที่ถูกทำขึ้น โดยช่วงต้นของคลิปนั้นเป็นข่าวจากสำนักข่าว ABC News ประเทศออสเตรเลียจริง ซึ่งในข่าวกล่าวถึงการพัฒนาวัคซีนเพื่อต่อต้านไวรัสโคโรนาของนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย แต่ในข่าวจริงมิได้มีการกล่าวถึงกล้วยที่จะช่วยป้องกันโรคโควิด-19 แต่อย่างใด ส่วนภาพของกล้วย นักวิจัย และข้อความที่ระบุว่ากล้วยช่วยป้องกันโรคโควิด-19 ได้นั้นเป็นการตัดต่อคลิปเพิ่ม โดยไม่มีหลักฐานหรืองานวิจัยใดๆ ที่สามารถพิสูจน์ความจริงดังกล่าว
สำหรับกล้วยนั้นเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกล้วยหอมหรือกล้วยน้ำว้าก็มีวิตามินมากมาย รวมถึงมีกากใยทำให้ท้องไม่ผูก ในกล้วยหอมยังมีโพแทสเซียม ซึ่งผลวิจัยยืนยันว่าโพแทสเซียมในผลไม้ช่วยลดความดันโลหิตได้ รวมถึงลดการเกิดตะคริวเนื่องจากการขาดโพแทสเซียมในร่างกายด้วย แต่สำหรับการป้องกันโรคโควิด-19 นั้น ยังไม่มีผลงานวิจัยใดๆ รองรับหรือยืนยันยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร
“ฟ้าทะลายโจร” ต้านโควิด-19
เป็นความเชื่อที่บอกต่อกันในวงกว้างว่า “ฟ้าทะลายโจร” นั้นช่วยป้องกันโควิด-19 ได้ โดยมีคลิปวีดีโอบอกว่า ปลัดกระทรวงสาธารณสุขยืนยันว่าฟ้าทะลายโจรต้านโควิด-19 ได้ ซึ่งคลิปนี้เป็นคลิปเก่าที่มีการตัดต่อจนผิดเพี้ยนไปจากความจริง จนทำให้ประชาชนแห่ไปซื้อฟ้าทะลายโจรมาบริโภคจนขาดตลาด
หลังจากกระแสดังกล่าวโด่งดังมาก ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า การใช้ฟ้าทะลายโจรช่วยต้านโควิด-19 นั้นยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองเท่านั้น ยังไม่มีการยืนยันผลใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งกระแสความเชื่อเรื่องนี้ มาจากการวิจัยในอดีตพบว่าโครงสร้างโมเลกุลยาสามารถจับเชื้อโคโรนาไวรัสได้ แต่สำหรับเชื้อโควิด-19 นั้นยังไม่มีการสรุปผลใดๆ
ส่วนสรรพคุณของยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรช่วยลดอาการจากไข้หวัดธรรมดาได้ โดยมีข้อมูลว่าฟ้าทะลายโจรสามารถช่วยรักษาอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันของระบบทางเดินหายใจได้ เช่น อาการไอ และเจ็บคอ นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และแก้ปวด ต้านเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคบางชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่ และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย
แต่การบริโภคยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรก็มีข้อควรระวังคือ ไม่ควรใช้ยาติดต่อกันนานเกินไป เนื่องจากยามีฤทธิ์เย็น และมีผลต่อตับ หลีกเลี่ยงการใช้ยาในผู้ที่ได้รับยากดภูมิ เนื่องจากสมุนไพรจะไปลดฤทธิ์ของยา หลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ที่ได้รับยาลดความดัน สารกันเลือกเป็นลิ่ม และยาต้านการจับตัวของเกล็ดเลือด เช่น วาฟาร์ริน แอสไพริน และห้ามใช้กับผู้มีประวัติแพ้ฟ้าทะลายโจร หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้มีความผิดปกติของตับและไต และผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค
ไข่ต้มกินอร่อย
กิน “ไข่ต้ม” จะรอดจาดโควิด-19
เป็นข่าวที่แชร์กันอย่างหนักหน่วงเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ถ้ากินไข่ต้มก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 26 มี.ค. จะรอดพ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งข้อความดังกล่าวก็ถูกดัดแปลงชื่อสถานที่และความเป็นมาไปตามแต่ละท้องถิ่น
จนถึงวันนี้ (ผ่านวันที่ 26 มี.ค. มาหลายวันแล้ว) น่าจะทำให้ความเชื่อนี้ห่างหายไปได้บ้าง ซึ่งในความเป็นจริงนั้น การกิน “ไข่ต้ม” ไม่ว่าจะกินตอนไหน เวลาใดก็ตาม ไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด
ส่วนประโยชน์ของไข่ต้มนั้น มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายอย่าง ทั้งโปรตีน สังกะสี วิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 บี 6 บี 12 วิตามินดี วิตามินอี ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดโฟลิก เลซิทิน ลูทีน และซีแซนทีน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้จะช่วยให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การกินไข่ในปริมาณที่พอเหมาะ (ในคนทั่วไป ส่วนใหญ่จะแนะนำให้กินไข่วันละ 1 ฟอง) ร่วมกับการกินอาหารประเภทอื่นๆ ให้ครบ 5 หมู่
“กินเจ” เลือดจะเป็นด่าง ไม่ติดโควิด-19มีการแชร์ข้อมูลกันว่า คนกินเจ มังสวิรัติ วีแกน หรือคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ จะมีเลือดเป็นด่าง ทำให้ไม่ติดเชื้อไวรัส หรือถ้าติดก็อาการไม่รุนแรง แต่ถ้ากินเนื้อสัตว์ เลือดจะเป็นกรด ติดไวรัสง่าย ตายง่าย เหมือนคสูงอายุที่กินเนื้อสัตว์มานานๆ ก็ตายง่าย หรือฝรั่งที่กินแต่เนื้อนมไข่ ก็ติดเชื้อง่าย ตายง่ายเช่นกัน
ข้อเท็จจริงคือ ไม่ว่าจะกินเนื้อสัตว์หรือไม่กินเนื้อสัตว์ก็ติดโควิด-19 ได้ทั้งนั้น หากไม่ป้อกันตัวเองดีๆ และไม่ได้มีงานวิจัยที่ไหนที่ออกมาบอกว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องการติดเชื้อโควิด-19 ระหว่างกลุ่มที่กินเนื้อสัตว์และไม่กินเนื้อสัตว์
และค่าความเป็นกรด-ด่างของเลื้อ ในคนที่กินเนื้อและไม่กินเนื้อ ตามปกติก็มีค่าเป็นด่างอ่อนๆ ประมาณ 7.35-7.45 พอๆ กันทุกคน ซึ่งคงที่เกือบจะตลอดเวลา ด้วยการปรับสมดุลจากระดับการหายใจเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากร่างกาย
ส่วนการกินเจ มังสวิรัติ วีแกน หรือวิถีการกินอาหารประเภทอื่นๆ ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสใดๆ สิ่งที่แนะนำก็คือ กินอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ สารอาหารครบถ้วน หรือมีการเสริมสารอาหารให้ครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ รวมถึงต้องมีการป้องกันร่างกายตามคำแนะนำ สิ่งนี้ถึงจะช่วยป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้
น้ำอุ่นจิบแล้วชุ่มคอ
ดื่มน้ำอุ่น-น้ำอุ่นผสมเกลือและน้ำส้มสายชู-น้ำมะนาว ฆ่าไวรัส
เรื่องของการดื่มและกลั้วคอด้วยน้ำอุ่น น้ำอุ่นผสมน้ำมะนาว น้ำมะนาว รวมถึงน้ำอุ่นผสมเกลือและน้ำส้มสายชู มีการแชร์กันมาหลายครั้งแล้ว ทั้งการฆ่าเชื้อตัวอื่นๆ ป้องกันโรคมากมาย รวมไปถึงการฆ่าเชื้อโควิด-19 ในครั้งนี้ด้วย
ต้องบอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เชื้อต่างๆ ไม่ได้ตายจากการดื่มหรือกลั้วคอด้วยน้ำเหล่านี้ โดยเฉพาะเชื้อโควิด-19 เชื้อไวรัสจะเข้าร่างหายจากการหายใจเข้าไปในโพรงจมูก เข้าทางเดินหายใจไปที่ปอด ไม่ได้เกี่ยวกับการกลั้วคอหรือดื่มลงไปในกระเพาะแต่อย่างใด
ความเชื่อเรื่องของกินที่ช่วยป้องกันโรคเหล่านี้ บางอย่างก็สามารถกินได้ในปริมาณที่พอเหมาะ อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องการป้องกันโรค แต่มีประโยชน์จากสารอาหารอื่นๆ แทน
อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างภูมิต้านทานป้องกันทุกโรค รวมถึงคำแนะนำในการกินร้อน ช้อนส่วนตัว ล้างมือ และเว้นระยะห่างกัน ก็จะช่วยป้องกันโควิด-19 ได้