ซิดนีย์, 30 มี.ค. (ซินหวา) - ปีเตอร์ โดเฮอร์ที (Peter Doherty) นักภูมิคุ้มกันวิทยา เจ้าของรางวัลโนเบลชาวออสเตรเลีย กล่าวว่าการที่ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่หายดีแล้วจะกลับมาติดเชื้อซ้ำนั้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือหากเกิดกรณีเช่นนั้นขึ้นจริง อาการของการติดเชื้อซ้ำ (secondary infection) จะไม่รุนแรงหรือไม่ปรากฏอาการ
โดเฮอร์ทีระบุในการสัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหวาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร โดยชี้แจงว่าการทดสอบพีซีอาร์ (PCR) หรือเทคนิคหนึ่งที่ใช้ในการตรวจหาเชื้อไวรัสนั้นสามารถตรวจจับได้ว่องไวมาก ส่วนประเด็นที่ว่าเหตุใดจึงมีรายงานผู้ที่มีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นบวก หลังถูกปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลนั้น คำอธิบายของคำถามดังกล่าวที่เป็นไปได้สูง นั่นคือในผู้ป่วยบางรายที่หายป่วยในทางคลินิกนั้น เชื้อไวรัสไม่ได้ถูกขจัดไปจนหมด แม้จะเคยมีผลตรวจก่อนหน้าออกมาเป็นลบก็ตาม
“สิ่งที่อาจสนับสนุนแนวคิดเรื่องการติดเชื้อซ้ำ คือประเด็นที่ว่าห้องปฏิบัติการค้นพบความแตกต่างที่มีนัยสำคัญของลำดับยีน ระหว่างกลุ่มเชื้อไวรัสระยะต้นกับกลุ่มเชื้อระยะปลายหรือไม่” เขากล่าว
“แน่นอนว่าเรารู้จักไวรัสตัวนี้เพียงช่วงสั้นๆ และเป็นไปได้ว่าเราจะได้เจอกับเรื่องที่น่าประหลาดใจที่เราไม่ค่อยอยากเจออีกหลายประการ”
ทั้งนี้ โดเฮอร์ทีเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยา หรือการแพทย์ในปี 1996 ร่วมกับรอล์ฟ ซิงเคอร์นาเกล (Rolf Zinkernagel) นักวิทยาศาสตร์ชาวสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากทั้งสองค้นพบเกี่ยวกับความจำเพาะของกลไกป้องกันของภูมิคุ้มกันชนิดพึ่งเซลล์ (cell-mediated immune defence) และบทบาททางชีวภาพของบริเวณที่เป็นที่ตั้งของกลุ่มยีน (MHC)
ขณะที่สถาบันโรคติดเชื้อและภูมิคุ้มกันปีเตอร์ โดเฮอร์ที (Peter Doherty Institute for Infection and Immunity) ซึ่งได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติต่อโดเฮอร์ทีนั้น ยังมีส่วนร่วมในการวิจัยไวรัสชนิดนี้และการพัฒนาวัคซีนด้วย
“ขณะนี้วัคซีนทดลอง (candidate vaccine) ยังอยู่ระหว่างกระบวนการในสัตว์ทดลองและมนุษย์กลุ่มทดลอง และจะต้องผ่านขั้นตอนอีกมาก วัคซีนที่เรากำลังคิดค้นนั้นคือผลิตภัณฑ์ที่คล้ายกันกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (SARS-CoV-2) ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี “โปรตีนแคลมป์” ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงโปรตีน" โดเฮอร์ที กล่าว
“เทคโนโลยีนี้เกิดขึ้นได้จากกลุ่มวิจัยของพอล ยัง (Paul Young) จากมหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ (University of Queensland) และได้รับการพัฒนาโดยองค์การวิจัยวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมแห่งเครือจักรภพ (CSIRO) ซึ่งจะทำการทดลองขั้นสูงในสัตว์ภายในห้องทดลองที่มีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงในเมืองจีลอง (Geelong) ขณะนี้เราก็กำลังให้ความช่วยเหลือการทดสอบในห้องปฏิบัติการอยู่ ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาระยะแรกดูมีแนวโน้มดี”
“ระยะเวลาอันยาวนานสำหรับคิดค้นวัคซีนเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นของประสิทธิภาพที่แม่นยำรัดกุมแลและการทดสอบที่ปลอดภัย” โดเฮอร์ทีกล่าว “ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี อย่างน้อยในกลุ่มทดลองสักราย บางทีเราอาจจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่พร้อมฉีดเข้าสู่ร่างกายของผู้คนในไม่ช้า”
สำหรับประเด็นที่ว่าจะเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างไรนั้น เขาชี้แจงว่าตามปกติ หากเราไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ก็อาจเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี หากปราศจากวัคซีน เราก็ยังทำอะไรเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานพื้นฐานไม่ได้มาก การบริโภคอาหารอย่างสมดุลก็อาจช่วยได้ ส่วนผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่อ้างว่าสามารถ “เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้" นั้น ไม่ปรากฏข้อบ่งชี้ว่ามีคุณประโยชน์ใดๆ หลังผ่านการทดสอบ
ส่วนประเด็นที่ว่าเด็กมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าผู้ใหญ่นั้น โดเฮอร์ทีอธิบายว่าอาจเป็นเพราะเด็กมีตัวรับไวรัสในเซลล์น้อยกว่าผู้ใหญ่ หรืออาจเป็นเพราะมีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดี “ตอนนี้เราไม่รู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราจะได้ทราบคำตอบ”