xs
xsm
sm
md
lg

ประโยชน์ของข้าวโพด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ข้าวโพด” เป็นพืชตระกูลเดียวกับหญ้า ลำต้นสูง ตั้งแต่ 0.30-8 เมตร แล้วแต่ชนิดพันธุ์ เมื่อเพาะปลูกใหม่ๆ จะมีรากชั่วคราว และเมื่ออายุได้ 7-10 วัน รากถาวรจะงอกออกมาจากรอบๆ ข้อที่อยู่ต่ำจากดินลงไป 1-2 นิ้ว โดยเมื่อโตเต็มที่แล้วรากจะแผ่ขยายไปไกลประมาณ 1 เมตร และอาจจะหยั่งรากลงดินในแนวดิ่งลึกถึง 3 เมตร รากของข้าวโพดเป็นรากฝอย แต่บริเวณข้อที่อยู่ใกล้ๆ พื้นดินจะมีรากยึดเหนี่ยวเพื่อยึดให้ลำต้นตั้งตรงแข็งแรง ภายในลำต้นมีลักษณะคล้ายฟองน้ำ ลำต้นมีข้อและปล้องชัดเจน โดยปล้องที่อยู่ใกล้พื้นดินจะสั้น เมื่อเหนือพื้นจะยาวขึ้นไปเรื่อยๆ จำนวนปล้องประมาณ 8-20 ปล้อง ลำต้นมีสีเขียวสด ใบยาวรีมีขนตรงบริเวณขอบ มีกาบใบและเขี้ยวใบ ความยาวใบประมาณ 30-100 เซนติเมตร แต่สีของใบจะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์ ดอกข้าวโพดจะมีทั้งดอกตัวผู้และดอกตัวเมียในต้นเดียวกัน แต่ดอกตัวผู้จะอยู่บริเวณยอดส่วนดอกตัวเมียจะอยู่ต่ำลงตามกาบใบของลำต้น แต่ดอกตัวผู้จะบานก่อนตัวเมียจึงมักจะผสมข้ามต้นมากกว่าจะผสมในต้นเดียวกัน ฝักข้าวโพดจะเจริญเติบโตจากดอกตัวเมีย เมื่อยังอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่สีจะอ่อนลง เมล็ดข้าวโพดใช้รับประทานได้ทั้งคนและสัตว์

ชนิดของข้าวโพด

1. ข้าวโพดหัวแข็ง (Flint Corn) ข้าวโพดชนิดนี้มีแป้งแข็งหุ้มรอบเมล็ด เมื่อแห้งแล้วเมล็ดแข็งมาก ค่อนข้างกลม เรียบ เมล็ดไม่ยุบบุบ มีสีเหลืองเข้มบริเวณบนสุดของเมล็ด นิยมปลูกมากในอเมริกาใต้และเอเชีย

2. ข้าวโพดหัวบุบ (Dent Corn) ต่างจากข้าวโพดหัวแข็งตรงที่ตอนบนของเมล็ดมีแป้งอ่อนแต่ข้างๆเป็นแป้งแข็ง ดังนั้นเมื่อแห้งแล้วเมล็ดจึงบุ๋มลงมา สีเมล็ดมีหลายสีขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ นิยมปลูกกันมากในสหรัฐอเมริกา 3. ข้าวโพดหวาน (Sweet Corn) เป็นข้าวโพดที่คนนิยมรับประทาน เนื่องจากมีน้ำตาลมาก จึงมีรสหวานกว่าข้าวโพดชนิดอื่นๆ เมื่อแก่เต็มที่เมล็ดจะใสและเหี่ยว มีหลากหลายสายพันธุ์

4. ข้าวโพดคั่ว (Pop Corn) คนนิยมรับประทาน เมล็ดแห้งค่อนข้างแข็ง เพราะมีแป้งแข็งอยู่ภายใน ภายนอกมีเยื่อเหนียวหุ้ม ภายในค่อนข้างชื้น เมื่อโดนความร้อนจะระเบิดออก ถ้าเมล็ดแหลมเรียกข้าวโพดข้าว ถ้าเมล็ดกลมเรียกข้าวโพดไข่มุก

5. ข้าวโพดข้าวเหนียว (Waxy Corn) เป็นข้าวโพดอีกชนิดที่คนรับประทานเพราะเมล็ดนุ่ม เหนียว อร่อย ไม่ติดฟัน มีหลายสี เช่น สีขาว สีขาวปนเหลือง สีม่วงคล้ำ หรือมีหลายสีในฝักเดียวกัน

6. ข้าวโพดแป้ง (Flour Corn) มีสีเหลืองนวลอ่อนๆ เมล็ดประกอบด้วยแป้งอ่อนจำนวนมาก หัวไม่บุบหรือบุบเพียงเล็กน้อย ชาวอินเดียนแดงนิยมปลูกไว้รับประทาน

7. ข้าวโพดป่า (Pod Corn) มีลำต้นและฝักขนาดเล็กกว่าข้าวโพดทั่วๆไป มีเปลือกหุ้มเมล็ดทุกเมล็ดและยังมีเปลือกหุ้มที่ฝักอีกหนึ่งชั้น ข้าวโพดชนิดนี้ไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ แต่ปลูกไว้เพื่อทำการศึกษาเท่านั้น

“ข้าวโพด” ธัญพืชสรรพคุณดี มากคุณค่าสารอาหาร ต้านอนุมูลอิสระ

เกริ่นกันมาแค่นี้ก็คงพอกระตุ้นให้หลายๆ คนเริ่มจะอยากทำความรู้จักถึงสรรพคุณและประโยชน์ของข้าวโพดกันให้มากขึ้นแล้วล่ะสิ ข้าวโพดนั้นจัดอยู่ในกลุ่มของธัญพืชที่ประกอบไปด้วยคุณค่าของสารอาหารนานาชนิด ประโยชน์ที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลยก็คือ สารต้านอนุมูลอิสระ ที่มีอยู่ในข้าวโพดมีความสามารถในการจัดการปัญหาของผิวพรรณที่อาจถูกทำร้ายจากมลพิษต่างๆ ที่อยู่รอบตัวเราได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร ให้ผิวสวยใส อ่อนเยาว์

นอกจากนี้ ข้าวโพดมีสรรพคุณสำคัญที่จะช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง และรักษาโรคมะเร็งได้ดีไม่แพ้ผักผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งมีงานวิจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศถึงประสิทธิภาพในการช่วยต่อต้านมะเร็งได้สูง รวมทั้งข้าวโพดยังมีสารเคมีสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของจอประสาทตาเสื่อมเร็ว ช่วยบำรุงสายตา และเส้นใยอาหารในข้าวโพดก็ช่วยในเรื่องของระบบการย่อยอาหารให้ทำงานเป็นปกติ ท้องไม่ผูก และมีประโยชน์ต่อระบบการทำงานของหัวใจ ทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดดี ช่วยลดความดันได้อีกด้วย

เริ่มพอจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้วนะว่าทำไม “ข้าวโพด” ถึงเป็นที่รักของคนดูแลสุขภาพ ข้าวโพดนั้นถือเป็นธัญพืชชั้นดีที่มีรสชาติหวานอร่อยซึ่งเป็นผลไม้ที่ใครหลายคนชื่นชอบ และก็เป็นพืชเศรษฐกิจที่ปลูกไม่ยากและดูแลง่าย ทำให้เราสามารถจะกินข้าวโพดเพื่อการดูแลร่างกายให้แข็งแรงได้ทุกวันเลย

16 สรรพคุณของข้าวโพด ประโยชน์ในการรักษาโรค

1. ข้าวโพดอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการช่วยดูแลผิวพรรณของคนเราไม่ให้เหี่ยวย่นก่อนวัย ช่วยชะลอความแก่ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ผิวพรรณแลดูสดใสเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา

2. ข้าวโพดมีฤทธิ์ช่วยต่อต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้รับการยืนยันจากวงการแพทย์ทั่วโลกที่ระบุว่า ข้าวโพดมีความสามารถในการสร้าง “สารโรดอปซิน” ซึ่งมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี จึงช่วยลดความเสี่ยงจะเกิดโรคมะเร็งได้ เช่น มะเร็งปอด มะเร็งในกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่

3. ข้าวโพดมีสรรพคุณช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น อาหารย่อยง่าย ลดความเสี่ยงจะเกิดโรคท้องผูกและโรคริดสีดวงทวาร เนื่องจากข้าวโพดมีเส้นใยอาหารในปริมาณมาก ซึ่งเป็นชนิดที่ไม่ละลายน้ำด้วย ทำให้ดูดซับน้ำไว้ได้ดีส่งผลให้ไม่มีปัญหาในการขับถ่าย

4. ประโยชน์ของข้าวโพดช่วยบำรุงร่างกาย ทำให้เจริญอาหาร ช่วยชะลอความเสื่อมสภาพของร่างกายทั้งภายในและภายนอก ซึ่งก็เป็นเพราะฤทธิ์ของสารโฟเลตที่มีอยู่ในข้าวโพดนั่นเอง

5. ข้าวโพดมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงหัวใจและปอด ลดความเสี่ยงจะเกิดโรคหัวใจ ป้องกันเส้นเลือดถูกทำลายจนอาจนำไปสู่อาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง ทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดเป็นปกติ

6. สรรพคุณของข้าวโพดช่วยสลายคอเลสเตอรอล ทำให้ระดับของคอเลสเตอรอลในร่างกายลดลง และยังลดไขมันในเลือด สามารถป้องกันการตีบของหลอดเลือดได้ดี

7. ข้าวโพดมีสรรพคุณช่วยบำรุงและรักษาสายตา เพราะในข้าวโพดมีสารสำคัญๆ อาทิ เบต้าแคโรทีนซึ่งเป็นโปรวิตามินเอ ที่มีหน้าที่ในการช่วยลดโอกาสการเสื่อมของลูกตา ป้องกันโรคทางสายตาอย่างโรคต้อกระจก สายตาสั้น หรือโรคมองในที่มืดไม่ชัดเจน ตาอักเสบ หรือแพ้แสงแดด

8. ข้าวโพดมีสารโคลีนซึ่งมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันการเกิดโรคสมองเสื่อม แก้อาการขี้ลืมหรือความจำเสื่อมได้

9. ประโยชน์ของข้าวโพดมีฤทธิ์ในการลดน้ำตาลในเลือด จึงช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานและลดความดันโลหิตสูงได้ด้วย

10. ข้าวโพดมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยบำรุงน้ำดี ทำให้น้ำดีขับเคลื่อนได้ดี และสามารถขับนิ่วและต้านมะเร็งในถุงน้ำดี แก้อาการอักเสบของถุงน้ำดี

11. ข้าวโพดช่วยแก้อาการของโรคเยื่อหุ้มปอดอักเสบที่กำเริบให้มีอาการดีขึ้นได้

12. ข้าวโพดมีสรรพคุณตามตำรับยาโบราณในการช่วยขับปัสสาวะ แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย และแก้โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ และนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ

13. ข้าวโพดมีประโยชน์ช่วยแก้อาการกระหายน้ำ ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน

14. ข้าวโพดสามารถช่วยให้การทำงานของตับและไตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันตับและไตไม่ให้เกิดการอักเสบได้ รวมทั้งช่วยแก้อาการดีซ่านได้เป็นอย่างดี

15. ข้าวโพดช่วยรักษาอาการบวมน้ำตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และบรรเทาอาการท้องร่วงหรือโรคบิดได้

16. ประโยชน์ของข้าวโพดอุดมด้วยวิตามินบี 1 ที่จะช่วยป้องกันอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ช่วยบำบัดอาการปวดกล้ามเนื้อ

ข้าวโพดดิบกินได้ไหม?

ข้าวโพดดิบสามารถรับประทานได้ แต่ไม่แนะนำเพราะอาจจะทำให้ท้องอืดเพราะในข้าวโพดที่ยังไม่สุกนั้นย่อยยาก การทำข้าวโพดให้สุกจะทำให้ย่อยง่ายขึ้น และเมื่อข้าวโพดสุก ผนังเซลล์ของข้าวโพดจะถูกทำลาย ทำให้สารต้านมะเร็งที่อยู่ตามผนังข้าวโพดถูกปล่อยออกมาด้วย

โทษของข้าวโพด และข้อควรระวังในการกิน

สำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และการย่อยอาหาร รวมทั้งผู้ป่วยที่เพิ่งผ่าตัดลำไส้มาใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานข้าวโพดมากเกินไปเพราะจะทำให้ท้องอืดโดยง่าย รวมทั้งในคนปกติหากทานมากเกินไปอาจจะได้รับแป้งและน้ำตาลจากข้าวโพดมากจนอ้วนได้เช่นกัน

ทั้งนี้ เพื่อให้ร่างกายได้รับคุณค่าทางสารอาหารจากข้าวโพดมากที่สุด แนะนำว่าควรกินข้าวโพดที่กำลังร้อนๆ เพราะจะมีสารอาหารต่างๆ ออกมาสูง โดยควรล้างข้าวโพดให้สะอาดก่อนนำไปต้มให้สุกอย่างน้อย 30 นาที และควรเติมเกลือลงไปเล็กน้อยเพื่อจะช่วยกระตุ้นให้สารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่จากข้าวโพดออกมาให้มากยิ่งขึ้น เท่านี้ประโยชน์และสรรพคุณที่อยู่ในข้าวโพดก็ไม่ไปไหนแล้วล่ะ


กำลังโหลดความคิดเห็น