1 โบท็อกซ์
ทรีตเม้นต์ที่ทุกคนต่างรู้จักกันดีและถือเป็นตัวแรกเริ่มสำหรับสาวๆหรือแม้กระทั่งผู้ชายที่ต้องการทำศัลยกรรมแบบเบาะๆเพื่อเติมเต็มผิวหน้า ตลอดจนแก้ไขโครงหน้าให้ดูเรียวเล็ก ถือเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยหากฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการณ์ โดยบริเวณที่ได้รับความนิยมที่สุดคือแก้ไขส่วนคางให้ดูหน้าเรียวเป็น V-Shape ในแบบดาราเกาหลี ที่รองลงมาคือการลดตีนกาหรือริ้วรอยบริเวณหางตา และรอยย่นที่หน้าผาก
2 ฟิลเลอร์
ตราบใดที่สาวๆเอเชียที่มักมีโครงหน้าแบน เนื่องจากปัญหาดั้งจมูกที่มีน้อยนิด ยังต้องการแก้ไขรูปจมูกให้ดูโด่งสวย การทำฟิลเลอร์โดยฉีดเข้าที่ดั้งจมูกให้โด่งขึ้นในแบบชั่วคราวก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ไม่เสื่อมคลาย ยิ่งปัจจุบันสารฟิลเลอร์ที่นำเข้ามีความปลอดภัยมาก โดยเฉพาะประเภทไฮยารูโลนิก ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในผิวอยู่แล้ว ทำให้สาวๆมีความมั่นใจยิ่งขึ้น แต่หากฉีดแล้วต้องการแก้ไขก็สามารถสลายโดยง่ายในเวลาไม่ถึงเดือน การฉีดฟิลเลอร์แบบปลิดภัยนี้มีอายุระหว่าง 6 เดือน – 1 ปี
3 ร้อยไหม
เทรนด์มาแรงตั้งแต่ปีที่แล้ว จนตอนนี้มีการพัฒนานำเจ้าไหมแบบสลายตัวได้ ที่เมื่อก่อนหมอใช้ในการเย็บแผลมาใช้ร้อยลงใต้ชั้นผิวเพื่อยกกระชับทั้งผิวหน้า และผิวตัวบริเวณที่ต้องการให้ยกกระชับ วิธีนี้แม้ต้องรอประมาณ 3 สัปดาห์เป็นอย่างน้อยกว่าจะเห็นผลชัดเจน แต่เนื่องจากทำเพียงครั้งเดียวก็กระชับเลย แถมมีราคาไม่แพงมาก ทำให้เป็นที่นิยมของสาวๆที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องการยกกระชับผิว ที่สำคัญผลอยู่ได้นาน 2-3 ปีทีเดียว
4 เลเซอร์ลดความหมองคล้ำ
หรือเจ้าเครื่องที่มีชื่อดังไปทั่วโลกในตอนนี้คือ Medlite C6 ที่ทรีตเม้นต์นี้โด่งดังมากโดยเฉพาะกับสาวเอเชีย ก็เป็นเพราะเรามักมีปัญหาเรื่องเม็ดสี อย่างฝ้าและกระ มากกว่าคนผิวขาวและผิวดำ ปกติแล้วเลเซอร์มักทิ้งสะเก็ดแผลทำให้ต้องพักฟื้นกันเป็นอาทิตย์ แต่เครื่องนี้ถ้าใช้อย่างประณีตแล้วจะไม่ทำให้เกิดรอยสะเก็ดแผล จึงนิยมมากในหมู่สาวที่มีชีวิตโลดโผน ทำทรีตเม้นต์วันนี้ แล้วพรุ่งนี้พร้อมลุยปาร์ตี้ได้เลย
5 สกิน บูสเตอร์ (Skin Booster)
สืบเนื่องจากความต้องการให้หน้าขาว ทรีตเม้นต์ตัวนี้เป็นการฉีดเอาสาร HA หรือไฮยารูโลนิกที่คล้ายคลึงกับที่ใช้กับฟิลเลอร์ แต่เน้นเฉพาะผิวหนังชั้นบน เพื่อปรับโครงสร้างผิวให้สดใส วิธีนี้สาวเกาหลีนิยมทำกันมาพักใหญ่แล้ว ทำให้ผิวใสและใช้เครื่องสำอางปกปิดผิวน้อยมาก ทรีตเม้นต์นี้นิยมมากโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว เพื่อเป็นการเติมน้ำให้ผิว
6 ไฮฟู่ (HIFU) หรือ High-Intensity Focused Ultrasound
เลเซอร์เพื่อยกกระชับผิวที่มีคนพูดถึงกันเป็นอันดับต้นๆเมื่อปีที่แล้วคือ Thermage แต่คนส่วนใหญ่ที่เคยทำจะบ่นว่าเจ็บ แถมมีรอยแดงจนต้องพักฟื้นนาน ทำให้มีการพัฒนาคลื่นอัลตร้าซาวด์เพื่อใช้กระตุ้นคอลลาเจนช่วยกระชับผิวแทน วิธีนี้ง่าย ไม่เจ็บและได้ผลดี จนหลังทำต้องบอกต่อเชียวล่ะ
7 Vaser Liposuction
เทคโนโลยีจากอิตาลี ด้วยการตีไขมันที่เป็นก้อนให้เหลวแล้วดูดไขมันออกมาบางส่วน ก่อนการใช้ accu laser ในการกระตุ้นผิวให้สร้างคอลลาเจนด้วยความร้อน และกระชับขึ้น จุงไม่เกิดการหย่อนคล้อยของผิวหลังทำ วิธีนี้ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กเท่านั้น จึงฟื้นตัวเร็ว ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลดไขมันหน้าท้องได้อย่างเห็นผล
8 เมโส เซลล์ เธอราปี้ (Meso Cell Therapy)
เทคนิกการฉีดยาเพื่อละลายไขมันเรียกว่า mesotherapy เพื่อทำให้หน้าเรียว แก้มเล็กลง เป็นที่นิยมกันมาพักใหญ่ในกลุ่มวัยรุ่น แต่วิธีนี้มักทิ้งรอยแผลเป็นจุดแดงเล็กๆ ซึ่งผลจะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้ ล่าสุดมีการฉีดเซลล์หรือเรียกว่าเซลล์บำบัด เป็นเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนของพืช หรือไม่ก็เซลล์ที่สกัดจากรก เพื่อช่วยให้ใบหน้ากระชับ วิธีเมโสเพื่อสลายไขมันถือเป็นวิธีที่นิยมมากที่สุดสำหรับลดขนาดที่ลำตัว หากคนไข้ไม่ต้องการเจ็บปวดจากการทำ Liposuction
9 อาร์เอฟ หรือ Radio Frequency
สำหรับสาวๆที่ยังไม่พร้อมจะดูดไขมันบริเวณลำตัว แต่ต้องการลดสัดส่วน จะมีการเน้นเครื่องมือ ประเภทไม่เจ็บ อย่างการใช้คลื่นวิทยุ RF ที่ได้มาตรฐานแทนอีกวิธีหนึ่ง วิธีนี้แม้มีราคาค่อนข้างแพง ประมาณหลายหมื่นต่อครั้ง แต่จะช่วยทั้งสลายไขมัน และกระชับผิวหนังไปพร้อมๆกัน จึงช่วยแก้ไขปัญหาผิวหนังหย่อนคล้อยได้ดี
10 เครื่องคลื่นความถี่ต่ำหรือ Low Frequency
ใช้คลื่นเข้าไปสลายไขมัน ทำให้ไขมันละลายเป็นของเหลวและดูดซึมออกมาทางระบบน้ำเหลือง แถมช่วยกระชับมัดกล้ามเนื้อได้ดี จึงนิยมใช้กับลำคอตลอดจนลำตัว แถมยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว อย่างเครื่อง Microlift เป็นต้น