xs
xsm
sm
md
lg

"มนุษย์ประชุม" จงระวัง! "ของว่าง" สร้างโรค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"มนุษย์ประชุม" จงระวัง! "ของว่าง" สร้างโรค

โดย MGR Online

13 พฤศจิกายน 2558 18:25 น. (แก้ไขล่าสุด 13 พฤศจิกายน 2558 20:03 น.)

พาดหัวแบบนี้หลายคนคงงง มี “ของว่าง” ที่สร้างโรคด้วยหรือ

คำตอบคือมี โดยเฉพาะของว่างที่แจกกันระหว่างประชุม ที่รู้จักมักคุ้นกันดีคือของหวานอย่างเค้กที่กินกับชากาแฟ
ชา กาแฟ รสขมต้องมีน้ำตาลเข้าช่วย น้ำตาลซองมีหลายขนาดบรรจุ แต่ผู้จัดเลี้ยงกลัวถูกหาว่าขี้เหนียว เลยเตรียมขนาด 8 กรัมไว้ให้ซะส่วนใหญ่ คนกินก็กลัวเหลือจึงใส่กันหมดซอง ผลคือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนไทยกินน้ำตาลเฉลี่ยวันละ 20 ช้อนชา ทั้งที่อนามัยโลกแนะนำให้ไม่เกิน 6 ช้อนชา

ด้วยเหตุนี้ นับจากนี้เรามาใช้น้ำตาลซองขนาด 4 กรัมกันเหอะ ตอนนี้ทั้งสภากาแฟยันโรงแรมห้าดาวเค้าก็ใช้ 4 กรัมกันแล้ว หากเห็นที่ไหนเค้ามีบริการน้ำตาลซอง 4 กรัม ก็อย่าไปเคืองเค้าเลย ผู้ประกอบการนั้นเค้าห่วงสุขภาพคุณ

รู้ไหมว่ากินหวานเกินไปทำให้เกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรังทั้งหลาย เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งโรคเอ็นซีดี (NCDs) นี้ เป็นสาเหตุการตายร้อยละ 63 ของการตายทั้งหมดของประชากรโลก

การลดหวานในของว่างระหว่างประชุมจึงมีส่วนช่วยให้บรรดา “มนุษย์ประชุม” ทั้งหลายกินหวานได้น้อยลง โดยลดที่ของดื่มและของเคี้ยว

ของดื่มนั้นลดที่น้ำตาลซอง ใช้น้ำตาลซองขนาด 4 กรัมกันทั้งนั้น กินกับชาหรือกาแฟแก้วละซองให้ความหวานแบบพอดีช่วยลดความเสี่ยง

นอกจากนี้คือมีทางเลือกอื่น ได้แก่ น้ำผลไม้ น้ำสมุนไพร

ส่วนของเคี้ยวก็ขอให้เลิกเหอะ บรรดาเบเกอรี่หวานเจี๊ยบอย่าง เค้ก ทาร์ต เอแคลร์ เปลี่ยนเป็นผลไม้ดีกว่าเยอะ เหมาะกับเมืองไทยที่มีผลไม้ให้กินตลอดปี

นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายจัดทำโครงการอาหารว่างเพื่อสุขภาพ หรือเฮลท์ตี้มีทติ้ง (Healthy Meeting) เน้นอาหารว่างที่ให้พลังงาน ต่ำกว่า 150 กิโลแคลอรี่ต่อวัน เช่น ผลไม้ ขนมที่ไม่หวานจัด และใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม ตัวอย่างรายการอาหารว่างคือ น้ำมะตูม เสิร์ฟพร้อมส้มโอให้พลังงาน น้ำฝรั่ง เสิร์ฟพร้อมกับฟักทองนึ่ง ข้าวโพดต้ม กล้วยน้ำว้าต้ม กาแฟเสิร์ฟกับเค้กผลไม้ ส้มเช้ง

นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า
"ในสังคมคนมี 3 กลุ่มคือกลุ่มเสี่ยง กลุ่มที่ใกล้จะเป็นเบาหวาน และกลุ่มที่เป็นเบาหวานแล้ว ซึ่งกลุ่มที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นยังมีพฤติกรรมการทานหวานมากเกินอยู่เป็นประจำ จึงมีโอกาสเป็นเบาหวานเร็วขึ้น โครงการนี้จะทำให้ข้าราชการพลเรือน 358,735 คนทั่วประเทศมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยยืดระยะเวลาให้กลุ่มผู้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานได้อีกหากขยายผลไปสู่กลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีอีกประมาณ 80,000 คนรวมกับเกือบ 2 แสนคน ซึ่งในคนกลุ่มนี้แทนที่จะเป็นเบาหวานภายใน 2-3 ปีอาจจะชะลอไป 5-7 ปี และยังช่วยลดปัญหาไขมันในหลอดเลือดสูงได้ด้วย”
กำลังโหลดความคิดเห็น