เอเอฟพี - รัฐบาลทรัมป์ประกาศว่าจะยกเลิกการคุ้มครองชั่วคราวที่คุ้มครองผู้อพยพจากพม่าจากการถูกเนรเทศออกจากสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนประมาณ 4,000 คน จากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ภายใต้สิ่งที่เรียกว่าสถานะคุ้มครองชั่วคราว (TPS)
TPS คุ้มครองผู้ถือสถานะจากการถูกเนรเทศและอนุญาตให้พวกเขาทำงานได้ ซึ่งสถานะดังกล่าวถูกมอบให้กับบุคคลที่ถูกพิจารณาว่าตกอยู่ในอันตรายหากพวกเขากลับไปยังประเทศบ้านเกิดของตน อันเนื่องจากสงคราม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือสถานการณ์พิเศษอื่นๆ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิก TPS สำหรับพลเมืองจากอัฟกานิสถาน แคเมอรูน เฮติ ฮอนดูรัส เนปาล นิคารากัว ซีเรีย ซูดานใต้ และเวเนซุเอเลา ที่เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามผู้อพยพ และทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ว่าเขาจะถอน TPS จากโซมาเลียด้วย
พลเมืองพม่าได้รับการขยายสถานะ TPS หลังจากการรัฐประหารในปี 2564 แต่คริสตี โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิระบุว่าการตัดสินใจถอนคำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการทบทวนสถานการณ์ในประเทศ
พม่ายังคงเผชิญกับความท้าทายด้านมนุษยธรรมที่ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่องเพื่อปราบปรามการต่อต้านด้วยอาวุธ โนเอมระบุ แต่เธอเสริมว่ามีการพัฒนาในการปกครองและเสถียรภาพในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
โนเอมยังระบุถึงการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเดือนก.ค. และการประกาศว่าการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมจะเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนธ.ค.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากองค์กรเช่น ฮิวแมนไรท์วอทช์
“คำแถลงที่ไม่ถูกต้องของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเกี่ยวกับการเพิกถอนสถานะการคุ้มครองชั่วคราวสำหรับประชาชนจากพม่านั้นร้ายแรงมาก จนยากที่จะจินตนาการว่าใครจะเชื่อ” จอห์น ซิฟตัน ผู้อำนวยการฮิวแมนไรท์วอทช์ เอเชีย ระบุในคำแถลง
กลุ่มระบุว่าการยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเดือนก.ค. ของพม่านั้น ถูกแทนที่ด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฉบับใหม่ในทันที และกฎอัยการศึกในหลายพื้นที่ของ 9 รัฐและภาค
โวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจที่พม่าจัดการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน
“จะพูดได้อย่างไรว่านี่เป็นการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม และการเลือกตั้งจะดำเนินไปได้อย่างไรในเมื่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของใครเลย และกองทัพก็เป็นฝ่ายหนึ่งในความขัดแย้งและปราบปรามประชาชนมาหลายปีแล้ว” โวลเคอร์ เติร์ก กล่าว
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ชอบธรรม เนื่องจากอองซานซูจีถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกจำคุกในการรัฐประหาร และพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยของเธอถูกยุบพรรค
รัฐบาลทหารยึดอำนาจโดยอ้างว่ามีการทุจริตในการเลือกตั้งปี 2563 ที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยชนะอย่างถล่มทลาย
นับตั้งแต่นั้นมา สงครามกลางเมืองแบบหลายฝ่ายได้ขยายลุกลามไปทั่วพม่า โดยรัฐบาลทหารสูญเสียพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศให้กับกองกำลังสนับสนุนประชาธิปไตยและกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์
ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้แนะนำให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพม่าเนื่องจากความขัดแย้งทางอาวุธ ความเสี่ยงต่อการเกิดความไม่สงบ และการคุมขังอย่างผิดกฎหมาย.


