รอยเตอร์ - ข้อตกลงว่าด้วยอาชญากรรมไซเบอร์ของสหประชาชาติ ที่มุ่งควบคุมการกระทำผิดที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกเป็นมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปี เตรียมที่จะลงนามโดยผู้แทนจากหลายสิบประเทศในกรุงฮานอยสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
ข้อตกลงดังกล่าวที่จะมีผลบังคับใช้หลังจากได้รับการให้สัตยาบันจาก 40 ประเทศ ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่สหประชาชาติคาดว่าจะทำให้การตอบสนองต่ออาชญากรรมไซเบอร์มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นักเคลื่อนไหวและบริษัทเทคโนโลยี และสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้เตือนถึงการละเมิดที่อาจเกิดขึ้นจากภาษาที่คลุมเครือเกี่ยวกับอาชญากรรม โดยบางคนระบุว่าถ้อยความดังกล่าวอาจเอื้ออำนวยมากกว่าที่จะปราบปรามกิจกรรมผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อประเทศที่ลงนาม แต่สหภาพยุโรปและแคนาดาเตรียมที่จะลงนามในข้อตกลงนี้ ซึ่งพวกเขาระบุว่ามีมาตรการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนรวมอยู่ด้วย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่ได้ระบุว่าผู้แทนของสหรัฐฯ จะเข้าร่วมพิธีลงนามหรือไม่
การเลือกเวียดนามเป็นเจ้าภาพถูกวิพากษ์วิจารณ์เนื่องจากประวัติด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศ โดยในรายงานเดือนส.ค. กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ อ้างถึงปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญในเวียดนาม รวมถึงการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกทางออนไลน์
มีผู้ถูกจับกุมตัวอย่างน้อย 40 คน ในปีนี้ในเวียดนาม จากข้อกล่าวหาอาชญากรรม ที่รวมถึงการโพสต์ข้อความทางออนไลน์ต่อต้านรัฐ ตามการรายงานของฮิวแมนไรท์วอทช์
คาดว่าเวียดนามจะยกระดับภาพลักษณ์จากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน และมองว่าข้อตกลงนี้จะเป็นเครื่องมือที่จะช่วยส่งเสริมการป้องกันทางไซเบอร์
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติมีกำหนดเข้าร่วมในพิธีลงนามในวันเสาร์ (25)
Cybersecurity Tech Accord ที่เป็นกลุ่มพันธมิตรระหว่างบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ที่รวมถึงบริษัท Meta และบริษัท Microsoft มองว่าข้อตกลงนี้เป็นสนธิสัญญาสอดแนม ที่เอื้อให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างรัฐบาล และมีความเสี่ยงที่จะทำให้อาชญากรก่ออาชญากรรมไซเบอร์ได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่ยากขึ้น
ด้านสหประชาชาติระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวมุ่งเป้าที่ความผิดหลากหลายรูปแบบตั้งแต่การฟิชชิง มัลแวร์เรียกค่าไถ่ ไปจนถึงการค้ามนุษย์ออนไลน์ และการใช้ถ้อยคำแสดงความเกลียดชัง โดยอ้างอิงการประมาณการว่าอาชญากรรมไซเบอร์สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกหลายล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
แต่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติได้เตือนระหว่างการเจรจาสนธิสัญญาว่า กฎหมายที่มีการนิยามอาชญากรรมไซเบอร์ที่กว้างเกินไปมักถูกนำไปใช้จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม
รามาน จิต ซิงห์ ชิมา จากกลุ่มรณรงค์ Access Now กล่าวว่าข้อตกลงนี้อาจเอื้อต่อการส่งผู้ร้ายข้ามแดนของบุคคลที่ถูกข่มเหงรังแกโดยรัฐบาลของตน และว่าการลงนามในเวียดนามเป็นการส่งสัญญาณที่เลวร้ายมากต่อนักปกป้องสิทธิมนุษยชน
เล ซวน มีง หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยทางไซเบอร์ของกระทรวงความมั่นคงสาธารณะกล่าวแถลงข่าวในเดือนนี้ว่า เวียดนามกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์ที่พุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญและบริษัทขนาดใหญ่ และความร่วมมือระหว่างประเทศอาจช่วยให้ระบุตัวผู้กระทำผิดได้
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ ที่เป็นผู้นำการเจรจาข้อตกลง กล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวยังรวมบทบัญญัติในการปกป้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และอนุญาตให้ประเทศต่างๆ ปฏิเสธคำขอความร่วมมือที่ขัดแย้งกับกฎหมายระหว่างประเทศได้
แต่นักเคลื่อนไหวและบริษัทเทคโนโลยียังได้แสดงความกังวลลว่าข้อตกลงนี้อาจทำให้แฮกเกอร์ที่ทดสอบระบบเพื่อหาช่องโหว่กลายเป็นอาชญากร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการค้นพบของพวกเขาเผยให้เห็นข้อบกพร่องที่ละเอียดอ่อนของรัฐบาล.


