xs
xsm
sm
md
lg

ฮุนเซนหันพึ่งเวียดนามเจรจาส่งเสริมการค้าทวิภาคี หลังการค้ากับไทยชะงักจากความตึงเครียดชายแดน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR ออนไลน์ - ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมากัมพูชาและเวียดนามได้จัดการเจรจาเพื่อส่งเสริมการค้าทวิภาคี ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ท่ามกลางความตึงเครียดชายแดนกับไทยที่ยังดำเนินอยู่

ฮุนเซน ประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้หารือถึงแนวทางในการกระตุ้นการค้าทวิภาคี โดยการหารือผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ดังกล่าวยังมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากทั้งสองประเทศเข้าร่วม ตามการเปิดเผยของเจีย ธิริธ โฆษกพรรค CPP

เจีย ธิริธ ระบุว่า ผู้นำพรรคประชาชนกัมพูชาและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามต่างมีเป้าหมายสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ 20,000 ล้านดอลลาร์ในอนาคตอันใกล้ ที่เน้นย้ำถึงความพยายามร่วมกันในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการเพิ่มปริมาณการค้าและการลงทุน

ระหว่างการหารือ ฮุนเซน ประธานพฤฒสภากัมพูชา ได้เน้นย้ำว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและเวียดนามที่แข็งแกร่ง สะท้อนถึงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี มิตรภาพอันดีงาม ความร่วมมือที่ครอบคลุม และเสถียรภาพในระยะยาว ที่เป็นรากฐานสำหรับการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน ในหลายภาคส่วน

เขายังกล่าวถึงความสัมพันธ์ระดับพรรคที่แน้นแฟ้นตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับสูง โดยกล่าวถึงความร่วมมือของรัฐบาลที่เพิ่มมากขึ้นและความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในความร่วมมือด้านกฎหมาย ที่ได้สร้างกรอบการทำงานสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ การอำนวยความสะดวกทางการค้า และโครงการริเริ่มการลงทุนข้ามพรมแดน

ฮุนเซน ยังกล่าวถึงปริมาณการค้าที่เพิ่มสูงระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง ที่มีมูลค่าถึง 7,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ โดยกัมพูชาส่งออกไปยังเวียดนามคิดเป็นมูลค่า 3,800 ล้านดอลลาร์ และนำเข้า 3,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของกัมพูชา

เขากล่าวว่าเวียดนามเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับ 3 ของกัมพูชา ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพทางการค้าที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน และย้ำว่าความสัมพันธ์ชายแดนที่สงบสุข เป็นมิตร และเป็นประโยชน์ร่วมกัน ช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและโอกาสทางธุรกิจของทั้งสองฝ่าย


ด้านสำนักข่าวเวียดนามรายงานว่า โต เลิม ได้แสดงความยินดีกับกัมพูชาในความสำเร็จด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภายใต้การนำของพรรคประชาชนกัมพูชาและรัฐบาลกัมพูชา โดยระบุว่าความพยายามเหล่านี้ได้ปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชน และเขายังแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าเชิงบวกที่กัมพูชาและไทยได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาชายแดน โดยเน้นย้ำถึงความร่วมมือและการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค

สำหรับประเด็นระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค โต เลิม ได้เน้นย้ำว่าข้อพิพาทควรได้รับการแก้ไขอย่างสันติภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และความสำคัญของบทบาทความเป็นกลางของอาเซียนในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความร่วมมือ และความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนทั่วทั้งภูมิภาค

เซือน แซม นักวิเคราะห์นโยบายของราชบัณฑิตยสถานกัมพูชา กล่าวกับสำนักข่าวขแมร์ไทม์สว่า ภายใต้การนำของฮุนเซน ความสัมพันธ์กับเวียดนามยังคงใกล้ชิดและร่วมมือกัน

เซือน แซม ย้ำว่าแม้จะมีช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ แต่การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงปัญหาการค้าระหว่างกัมพูชากับไทยที่หยุดชะงัก

เซือน แซม ระบุว่าหลายจังหวัดของกัมพูชาตามแนวชายแดนเวียดนาม ที่ประกอบด้วยจ.กระแจะ จ.กำปงจาม จ.เปรยเวง จ.กันดาล และจ.ตาแก้ว พึ่งพาการส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ และยางพารา

ขณะเดียวกัน เวียดนามยังจัดหาผัก ผลไม้ ปลา และเนื้อสัตว์ให้กัมพูชา ซึ่งสร้างระบบการค้าข้ามพรมแดนที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้าจำเป็นสำหรับการบริโภคภายในประเทศจะไหลเวียนต่อเนื่อง

“ความตึงเครียดกับไทยในปัจจุบันทำให้ชาวกัมพูชาจำนวนมากคว่ำบาตรสินค้าไทย สถานการณ์ดังกล่าวเป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการรักษาปริมาณสินค้าให้เพียงพอสำหรับใช้ภายในประเทศ พร้อมกับส่งเสริมการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับเวียดนาม” เซือน แซม กล่าว

อย่างไรก็ตาม เขาย้ำถึงความสำคัญของการควบคุมคุณภาพ และเรียกร้องให้ศุลกากรตามแนวชายแดนตรวจสอบสินค้าที่เข้ามาทั้งหมด.




กำลังโหลดความคิดเห็น