MGR ออนไลน์ - สนามบินนานาชาติเตโชจะเริ่มเปิดให้บริการในเดือนก.ย. ปีนี้ โดยเปลี่ยนจากการตัดสินใจในครั้งก่อนที่ระบุว่าสนามบินจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ในวันที่ 10 ก.ค.
ในคำแถลงของสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือน (SSCA) ระบุว่า พิธีเปิดสนามบินอย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 20 ต.ค. และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต จะทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีดังกล่าว
“สนามบินนานาชาติเตโชจะเปิดให้บริการในวันที่ 9 ก.ย. 2568 และพิธีเปิดสนามบินใหม่อย่างเป็นทางการจะจัดขึ้นในวันที่ 20 ต.ค. 2568” คำแถลงระบุ
เลขาธิการ SSCA และโฆษกระบุว่า การเปลี่ยนแปลงวันเปิดใช้งานเกิดขึ้นเนื่องจากทีมผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินและพบว่ายังมีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
“การประเมินดังกล่าวได้ถูกนำเสนอต่อทางการและรัฐบาลได้ตัดสินใจว่าจะกำหนดวันเริ่มการดำเนินงานใหม่” เลขาธิการ SSCA กล่าว
เจ้าหน้าที่ระบุว่าจนถึงขณะนี้การก่อสร้างสนามบินคืบหน้าไปแล้วเกือบ 96%
สนามบินนานาชาติเตโชตั้งอยู่ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางใต้ราว 20 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ของจ.กันดาล และจ.ตาแก้ว โดยในระยะแรกของการก่อสร้าง สนามบินจะมีขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี
รัฐบาลกัมพูชาถือหุ้น 10% ผ่าน SSCA ในขณะที่หุ้นที่เหลือ 90% ถือโดยบริษัท Overseas Cambodian Investment Corporation (OCIC) ที่เป็นกลุ่มบริษัทในท้องถิ่น
นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ชี้แจงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า สนามบินนานาชาติพนมเปญที่มีอายุ 66 ปี นั้น ไม่ได้มีไว้ขาย หลังจากมีข่าวลือเกี่ยวกับอนาคตของสนามบินเดิม
สนามบินนานาชาติพนมเปญมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เนื่องจากสร้างขึ้นจากคำแนะนำของอดีตกษัตริย์นโรดม สีหนุ และสนามบินแห่งนี้จะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้ ฮุน มาเนต ระบุ
“สิ่งอำนวยความสะดวกดังกล่าวควรยังยังคงเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนของกรุงพนมเปญ แม้อาจจะมีการพิจารณารูปแบบต่างๆ สำหรับการใช้งานสนามบินในอนาคต รวมถึงการพัฒนาและการบำรุงรักษา แต่รัฐบาลจะยังคงเป็นเจ้าของที่ดินและโครงสร้างพื้นฐานตามกฎหมาย” ผู้นำกัมพูชา กล่าว
ฮุน มาเนต เสริมว่ารัฐบาลได้โอนการกำกับดูแลที่ดินสนามบินให้กับ SSCA พร้อมคำสั่งที่ชัดเจนในการปกป้องความสำคัญทางประวัติศาสตร์และให้แน่ใจว่าการใช้งานในอนาคตจะมีความยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะในขณะที่ยังคงเก็บรักษาสถานที่ดังกล่าวไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ
เขาระบุว่ามีบางคนได้ประเมินที่ดินสนามบิน ที่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 300 เฮกตาร์ ในใจกลางเมืองหลวง ซึ่งอาจมีมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ หากขายในราคา 1,000 ดอลลาร์ต่อตารางเมตร
ฮุน มาเนต ยังเตือนนักลงทุนว่าสถานที่ดังกล่าวไม่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนเป็นโครงการพัฒนาทางเศรษฐกิจใดๆ ได้ และแนะนำให้พวกเขามองหาโอาสการลงทุนจากที่อื่น.