xs
xsm
sm
md
lg

รายงาน UN ชี้ตั้งแต่รัฐประหาร กองทัพพม่าสังหารพลเรือนแล้วกว่า 5,000 ราย จับกุมอีกกว่า 20,000

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์ - รายงานของสหประชาชาติระบุว่ารัฐบาลทหารของพม่าได้เพิ่มการสังหารและจับกุม โดยเห็นได้ชัดว่าเป็นความพยายามที่จะปราบปรามฝ่ายตรงข้าม และเกณฑ์ทหาร ท่ามกลางความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีประชาชนหลายหมื่นคนถูกควบคุมตัวนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2564

กองทัพพม่าเข้ายึดครองอำนาจในเดือน ก.พ.2564 หลังจากโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี และจุดชนวนให้เกิดการประท้วงบนท้องถนนทั่วประเทศ ซึ่งกองทัพดำเนินการปราบปรามอย่างรุนแรง

นับตั้งแต่นั้น การชุมนุมประท้วงได้กลายมาเป็นการต่อต้านด้วยอาวุธที่ขยายวงกว้าง และการสู้รบได้ปะทุขึ้นในหลายแนวรบ จนทำให้ทางการต้องประกาศใช้กฎหมายเกณฑ์ทหารในเดือน ก.พ.

รายงานของโวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่ส่วนหนึ่งอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ทางไกลเหยื่อและพยานหลายร้อยคนนับตั้งแต่เจ้าหน้าที่สอบสวนถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าพื้นที่ ระบุว่านับตั้งแต่กองทัพรัฐประหาร มีพลเรือนถูกสังหาร 5,350 คน

ในจำนวนนี้ 2,414 คน เสียชีวิตในช่วงเวลาระหว่างเดือน เม.ย.2566 ถึงเดือน มิ.ย.2567 โดยหลายร้อยคนเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยปืนใหญ่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาของการรายงานก่อนหน้า

โฆษกของรัฐบาลทหารไม่ได้ตอบรับการติดต่อของรอยเตอร์เพื่อขอความคิดเห็น

รายงานยังเปิดเผยถึงขอบเขตของการคุมขังทั่วประเทศ โดยมีผู้ถูกจับกุมตัวเกือบ 27,400 คน นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร รวมทั้งมากกว่า 9,000 คน ในช่วงเวลาของการรายงานล่าสุด ที่หลายคนคาดว่าอยู่ในค่ายฝึกทหาร

รายงานระบุว่าในบรรดาผู้ที่ถูกทางการจับกุมมีเด็กรวมอยู่ด้วย ซึ่งพวกเขาถูกพาตัวไปเมื่อไม่สามารถระบุที่อยู่ของพ่อแม่ได้ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการลงโทษฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

รายงานยังระบุถึงรายละเอียดกรณีการละเมิดผู้ที่ถูกคุมขัง ที่เทียบได้กับการทรมาน เช่น การแขวนจากเพดานโดยไม่ได้กินอาหารหรือน้ำ การใช้งูและแมลงสร้างความหวาดกลัว และทุบตีด้วยไม้ไผ่และโซ่จักรยานยนต์

โฆษกของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวในการแถลงข่าวว่า มีผู้เสียชีวิตระหว่างถูกควบคุมตัวตั้งแต่เกิดการรัฐประหารอย่างน้อย 1,853 คน รวมทั้งเด็ก 88 คน

“หลายคนในนี้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตหลังจากถูกสอบสวนอย่างทารุณ ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายในระหว่างการคุมขังหรือปฏิเสธการเข้าถึงการดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสม” โฆษกสำนักงานสิทธิมนุษยชน กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น