รอยเตอร์ - ค่าเงินของพม่าที่อ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วกำลังทำให้ราคาสินค้าจำเป็นต่างๆ รวมทั้งอาหารและยาพุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อครัวเรือนในประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่เผชิญปัญหาจากสงครามกลางเมืองและเศรษฐกิจที่ตกต่ำลงอยู่แล้ว
ค่าเงินจ๊าตของพม่าผันผวนอย่างหนักในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดที่ 7,500 จ๊าตต่อดอลลาร์สหรัฐในตลาดมืดเมื่อสัปดาห์ก่อน จาก 5,000 จ๊าตในช่วงต้นเดือน ตามข้อมูลของผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 4 ราย โดยค่าเงินที่ร่วงลงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่ารัฐบาลทหารพิมพ์เงินจ๊าตเพิ่มเพื่อพยุงค่าเงิน ผู้ค้า 2 รายระบุ
“ผู้คนต่างพากันแห่ซื้อเงินบาทและขายเงินจ๊าต ส่วนคนที่ขายเงินบาทคือคนที่ส่งเงินกลับจากไทยไปพม่าเท่านั้น” ตัวแทนโอนเงินในไทย กล่าว
ค่าเงินจ๊าตฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 6,000 จ๊าตต่อดอลลาร์สหรัฐในตลาดมืด ขณะที่อัตราอ้างอิงอย่างเป็นทางการของธนาคารกลางอยู่ที่ 2,100 จ๊าตในวันอังคาร (20) โดยอัตราซื้อขายออนไลน์อยู่ที่ 3,400 จ๊าต แต่ราคาของสิ่งของจำเป็นยังไม่ลดลง ชาวพม่า 6 คน กล่าว
ค่าเงินจ๊าตที่ร่วงลง ต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น และการหยุดชะงักของการค้าชายแดน ส่งผลให้ราคายาและของชำบางอย่างพุ่งสูงขึ้นตามเมืองใหญ่ต่างๆ ของพม่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“จากที่เคยใช้เงินประมาณ 25,000 จ๊าตต่อสัปดาห์สำหรับของชำในบ้าน เมื่อประมาณ 1 เดือนก่อน ตอนนี้อยู่ที่ 40,000 จ๊าต” แม่บ้านอายุ 27 ปี จากกรุงเนปีดอ กล่าว
พม่าที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเป็นตลาดชายขอบที่น่าจับตา แต่เวลานี้ประเทศเผชิญกับความรุนแรงนับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2564 ที่จุดชนวนการอพยพยของนักลงทุน การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก และการชุมนุมประท้วงที่กลายเป็นการต่อต้านด้วยอาวุธทั่วประเทศ
รัฐบาลทหารสูญเสียการควบคุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของประเทศ รวมถึงเส้นทางการค้าสำคัญกับจีนและไทย และยังต้องดิ้นรนในการจัดการกับเศรษฐกิจ
ธนาคารโลกกล่าวในเดือน มิ.ย.ว่า ความยากจนในพม่าขยายตัวขึ้นมากกว่าช่วงเวลาใดๆ ในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา และการเติบโตทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะคงตัวอยู่ที่ 1% ในปีงบประมาณปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ธนาคารโลกระบุว่ารายได้ครัวเรือนลดลง หลังจากปรับตามอัตราเงินเฟ้อ และอัตราการว่างเงินเพิ่มขึ้น เน้นย้ำถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อประชากรส่วนใหญ่
“มันคือความยุ่งเหยิงวุ่นวาย และแน่นอนว่าเกิดขึ้นจากนโยบายเศรษฐกิจและการตัดสินใจของรัฐบาล 100%” เดวิด แมทธีสัน นักวิเคราะห์ กล่าว
รัฐบาลทหารใช้มาตรการที่เข้มงวดในความพยายามที่จะรักษาเสถียรภาพของสกุลเงินและเศรษฐกิจ
นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. รัฐบาลทหารได้จับกุมคนอย่างน้อย 56 คน รวมถึงผู้ค้าทองคำ ตัวแทนแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ในความพยายามที่จะหยุดการลดลงของค่าเงินจ๊าต
คนขายของชำ 2 คนระบุว่า เนื่องจากค่าเงินลดลง ราคาของสินค้าที่นำเข้า รวมทั้งสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมันประกอบอาหารที่นำเข้าจากไทยพุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้าที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องต่อแถวรอกันยาวเหยียดในหลายพื้นที่ของประเทศในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีก คนขายของชำระบุ
“ราคาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า เนื่องจากต้นทุนขนส่ง” เจ้าของร้านขายของชำในเมืองเมาะลำไย ทางตอนใต้ของประเทศ กล่าว โดยอ้างถึงผักบางชนิด
เจ้าหน้าที่เภสัช 2 คน และแพทย์ 1 คน กล่าวว่ายาต่างๆ รวมถึงแถบวัดค่าน้ำตาลในเลือดที่ใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน มีราคาแพงขึ้น 10-30% ในเดือนที่ผ่านมา
รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ที่ประกอบด้วยอดีตสมาชิกสภาและฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลทหาร กล่าวว่ากองทัพไม่มีแผนที่เหมาะสมในการจัดการกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
“พวกเขาไม่มีระบบใดๆ ที่จะดำเนินการ และยังพิมพ์เงินจ๊าตเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เงินเฟ้อและสร้างวิกฤตเศรษฐกิจในรูปแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน” โฆษกของ NUG ระบุ.