แบงก์ชาติลาวคุมเข้ม! จับจ่ายใน "สามเหลี่ยมทองคำ" ต้องใช้ "เงินกีบ"

MGR Online - แบงก์ชาติลาวออกมาตรการกำชับให้ในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำต้องใช้แต่เงินกีบ พร้อมคุมเข้มทุกธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินตราต่างประเทศต้องเป็นไปตามกฎหมาย หากไม่ผ่านการรับรองจะไม่อนุญาตให้โอนกำไร เงินปันผล หรือทุนส่วนที่เหลือกลับบ้าน

วันที่ 12 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา เพจทางการของเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้เผยแพร่หนังสือจากคณะกรรมการควบคุมเขตเศรษฐกิจพิเศษแขวงบ่อแก้ว ที่แจ้งให้นักลงทุนและเจ้าของกิจการทุกแห่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของธนาคารแห่ง สปป.ลาว (ทหล.) สำนักงานประจำเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำอย่างเคร่งครัด

โดยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ทหล. สำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ได้มีหนังสือแจ้งการ 2 ฉบับ ฉบับแรกเลขที่ 36 กำหนดให้การนำเงินเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำของนักลงทุนต่างประเทศ ทั้งส่วนที่เป็นทุนจดทะเบียนและเงินลงทุนทั้งหมด ต้องทำตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และต้องแจ้งต่อ ทหล.สำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำภายใน 30 วัน หลังจากนำเงินทุนเข้าไปแล้ว

ส่วนชาวต่างชาติที่ต้องการกู้เงินจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ต้องทำเรื่องขออนุมัติจาก ทหล.สำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

ช่วงท้ายของหนังสือ กำหนดว่าเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่ได้หนังสือรับรองการนำเงินทุนเข้าไปลงทุนโดยตรงใน สปป.ลาว เท่านั้น ที่มีสิทธิโอนเงินกำไร เงินปันผล เงินทุนส่วนที่เหลือจากการขายหรือการยุบเลิกกิจการกลับประเทศของตน โดยผ่านธนาคารพาณิชย์


ส่วนหนังสือแจ้งการอีกฉบับ เลขที่ 37 เรื่อง การปฏิบัติว่าด้วยการควบคุมเงินตราต่างประเทศ มีเนื้อหารวม 8 ข้อ ได้แก่

1.การกำหนดมูลค่า การติดประกาศ การโฆษณาราคาสินค้า ค่าบริการ และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ต้องใช้เงินกีบเป็นหลัก เงินสกุลต่างประเทศเป็นสำรอง และต้องกำหนดตามอัตราแลกเปลี่ยนที่ประกาศโดยธนาคารพาณิชย์ในแต่ละระยะ และตามสกุลเงินที่ได้รับอนุญาตจาก ทหล. ตามข้อตกลงฉบับที่ 1039/ทหล.

2.การชำระ และ/หรือรับชำระค่าสินค้า-บริการในรูปแบบเงินสด เงินโอน ให้ทำเป็นเงินกีบ ส่วนการชำระเป็นเงินสกุลต่างประเทศต้องทำธุรกรรมผ่านผู้ที่ได้รับอนุญาตจาก ทหล. ตามข้อตกลงฉบับที่ 1039/ทหล.

3.การถือครองเงินสดเป็นเงินสกุลต่างประเทศต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามความจำเป็นและขอบเขตการทำธุรกิจ กรณีที่มีการเคลื่อนย้ายเงินสดที่เป็นสกุลต่างต่างประเทศในมูลค่าสูงเข้าออกเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ภายใน สปป.ลาว ต้องรายงานต่อ ทหล. สำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง

4.เมื่อต้องการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ต้องไปแลกกับธนาคารพาณิชย์ที่ตั้งอยู่ใน สปป.ลาว เท่านั้น ห้ามให้บริการหรือใช้บริการด้านเงินสกุลต่างประเทศ เช่น การแลกเปลี่ยน การโอนเงินสกุลต่างประเทศ การรับฝากเงิน และการให้สินเชื่อที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศ กับผู้ให้บริการที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก ทหล.

5.ไม่ให้โฆษณา และ/หรือประกาศการบริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ กำหนดและติดประกาศอัตราแลกเปลี่ยน การจัดฝึกอบรม การทำตลาดเกี่ยวกับเงินตราต่างประเทศทุกรูปแบบ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ทหล.

6.ไม่ให้บริการในรูปแบบสถาบันการเงินจุลภาค ทั้งประเภทที่รับเงินฝากและไม่รับเงินฝาก สหกรณ์สินเชื่อ และเงินฝากประหยัด บริษัทเช่าซื้อ โรงรับจำนำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ทหล.

7.มีสติ ระมัดระวังตัว และศึกษาข้อมูลให้ละเอียดลึกซึ้งในการทำธุรกิจเกี่ยวกับเงินคริปโตฯ เนื่องจากเงินคริปโตฯ ไม่ใช้เงิน และไม่ใช่เครื่องมือที่สามารถใช้ชำระได้ตามกฎหมายของ สปป.ลาว การลงทุน หรือซื้อ/ขายเงินคริปโตณ มีความเสี่ยงหลายด้าน เช่น การฟอกเงิน และการสนับสนุนเงินทุกแก่การก่อการร้าย มีความเสี่ยงด้านราคาที่ผันผวนสูง ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี่ และอาจเป็นช่องทางของกลุ่มคนร้ายเพื่อใช้หลอกลวงหรือฉ้อโกงได้

8.ผู้ละเมิดกฏหมายและระเบียบการที่เกี่ยวข้อง จะถูกใช้มาตรการศึกษา อบรม ปรับ และมาตรการทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนด

หนังสือแจ้งการของ ทหล.สำนักงานเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ทั้ง 2 ฉบับ เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการให้ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำต้องใช้แต่เงินกีบในการซื้อขาย ชำระค่าสินค้าและบริการ ตามการรณรงค์ของรัฐบาลที่ให้ทั่วประเทศลาวใช้แต่เงินกีบ เพื่อกระตุ้นให้เงินกีบของลาวแข็งค่าขึ้น ซึ่ง พล.อ.วิไล หล้าคำฟอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบลาว ได้มอบไว้เมื่อครั้งเดินทางไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหาร เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566.