สามเหลี่ยมทองคำ - เปิดใจ “จ้าวเหว่ย” ประธานเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ริมน้ำโขง ฝั่ง สปป.ลาว กลางปฏิบัติการจีนโหมปราบจีนเทา ยันอบายมุขสามเหลี่ยมทองคำ ลด-ยานรกถูกปราบหนัก พร้อมเดินหน้าร่วมไทย-ลาว พัฒนาท่องเที่ยว
หลังทางการจีนเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างหนัก โดยขอความร่วมมือ-ประสานข้อมูลปฏิบัติการทั้งในเมียนมา สปป.ลาว ไทย กัมพูชา รวมถึงพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ริมฝั่งโขง-สามเหลี่ยมทองคำ เขตเมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงข้าม อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมาย
ซึ่งระยะที่ผ่านมา ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ริมฝั่งโขงแห่งนี้ยกระดับเข้มงวดตรวจจับแก๊งจีนเทามากขึ้น ช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.ที่ผ่านมาก็มีกระแสว่ากลุ่มจีนเทาพยายามหลบหนีจากฐานปฏิบัติการในรัฐฉาน เมียนมา จะข้ามฝั่งโขงเข้าไปในเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ก็ถูกสกัดกั้นเอาไว้หลายครั้ง
28 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ป้องกันความสงบ (ปกส.) เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวน กรมใหญ่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สนธิกำลังอีกหลายหน่วยงาน บุกค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ภายในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว
ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนสัญชาติจีน หรือกลุ่มจีนเทาที่มาตั้งฐานประกอบอาชญากรรมฉ้อโกงทรัพย์ทางออนไลน์ หรือคอลเซ็นเตอร์ ได้ทั้งสิ้น 462 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้หญิง 41 คน พร้อมของกลางเป็นรถยนต์ 5 คัน โทรศัพท์มือถือกับเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเป็นจำนวนมาก
จ้าวเหว่ย ประธานคณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เปิดเผยว่า โลกภายนอกมองเขตเศรษฐกิจพิเศษของเราในเรื่องของยาเสพติดนั้นยืนยันว่าทางเขตฯ ได้มีการจัดการปราบปรามมาตลอด โดยได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐและตำรวจ สปป.ลาว ในการกวาดล้างและถึงขั้นส่งกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาร่วมปฏิบัติการด้วย วัตถุประสงค์สำคัญคือป้องกันไม่ให้นำยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่
ส่วนภายในมีการจัดการอย่างเป็นระบบ นอกจากจะมีการเข้มงวดจับกุมแล้ว หากพบผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดจะต้องรับโทษให้ใช้แรงงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ด้วยการคำนวณระยะเวลารับโทษจากจำนวนยาเสพติด ซึ่งบางคนอาจนานถึง 1-2 เดือน เมื่อครบกำหนดก็จะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ สปป.ลาวดำเนินคดีตามกฎหมายอีกต่อหนึ่ง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปัญหายาเสพติดในเขตฯ ลดลงแล้วอย่างมาก และแม้ว่าจะยังไม่ได้ทั้งหมดแต่ยืนยันว่ามีการป้องกันและปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ได้ร่วมมือกับไทยคือ จ.เชียราย และ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา พัฒนาเศรษฐกิจในเขตฯ จนเติบโตชัดเจน ปัจจุบันจึงมีนักลงทุนทั้งจากจีน ลาว ไทย ฯลฯ เข้าไปร่วมลงทุนทำให้มีความพร้อมด้านต่างๆ มากมาย เช่น ท่าเรือแม่น้ำโขงเพื่อขนส่งสินค้า ถนน
และตั้งแต่เดือนกันยายน 63 ยังสร้างสนามบินสากลบ่อแก้ว ห่างจากตัวเมืองประมาณ 5 กิโลเมตร รันเวย์ยาว 2,500 เมตร มูลค่าประมาณ 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5,700 ล้านบาท เพื่อรองรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวและนักลงทุน โดยสามารถรองรับเครื่องบินขนาดแอร์บัส A320 และโบอิ้ง 737 ได้ครั้งละ 3 ลำ ปัจจุบันยังกำลังขยายรันเวย์ให้มีความยาวเพิ่มเป็น 4,000 เมตร เพื่อให้เป็นอากาศยานนานาชาติในปี 2567 เป็นต้นไปอีกด้วย
จ้าวเหว่ยย้ำว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ มุ่งพัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวโดยเฉพาะด้านวัฒนธรรมไทย จีน ลาว ได้ทุ่มงบประมาณด้านนี้ถึง 10 ล้านล้านหยวน ดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการสุวรรณโคมคำ ซึ่งจะมีทั้งสวนน้ำ, ดรีมปาร์ก ฯลฯ เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างหลากหลายมิติ