MGR Online - พีทีที (ลาว) แถลงยืนยันยังคงให้บริการในลาวต่อเนื่องเป็นปกติ ไม่ถอนตัวกลับไทยตามข่าวลือที่แพร่สะพัดไปทั่วชุมชนออนไลน์ หลังตลาดค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในลาวเกิดอาการปั่นป่วนช่วงสั้นๆ เมื่อปลายเดือนกันยายน
วานนี้ (2 ต.ค.) เพจ PTT LAO PDR ซึ่งเป็นเพจทางการของบริษัท พีทีที (ลาว) จำกัด เผยแพร่แถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัท พีทีที (ลาว) ยังคงให้บริการตามปกติ ไม่ถอนการลงทุนออกจากลาวตามที่มีข่าวลือเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้แต่อย่างใด โดยเนื้อหาในแถลงการณ์มีรายละเอียดดังนี้
"หลังมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารตามสื่อออนไลน์หลายช่องทางในลาวว่า บริษัท พีทีที (ลาว) จะถอนตัว ยุติการให้บริการแก่ประชาชนลาว จะปิดสถานีบริการน้ำมัน และบริษัท ปตท. จากประเทศไทยจะไม่ส่งน้ำมันเข้ามาให้ สปป.ลาว ทำให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลข่าวสารนี้เกิดการเข้าใจผิดนั้น บริษัท พีทีที (ลาว) ขอชี้แจงว่า ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวไม่เป็นความจริง ขอให้สังคมได้ใช้วิจารณญาณในการติดตามและกระจายต่อข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องนี้
บริษัท พีทีที (ลาว) เป็นบริษัทผู้จำหน่ายน้ำมันภายในประเทศที่ได้รับการสนับสนุนการส่งน้ำมันมาให้จากบริษัทผู้นำเข้า-ส่งออกน้ำมันเป็นอย่างดี ทำให้พวกเราสามารถสนองน้ำมันให้แก่สถานีบริการน้ำมัน เพื่อให้บริการแก่สังคมได้อย่างต่อเนื่อง และทำธุรกิจอยู่ใน สปป.ลาว ได้อย่างเป็นปกติ
ทั้งนี้ บริษัทขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่สนับสนุนใช้บริการของพวกเราอย่างดีมาตลอด บริษัท พีทีที (ลาว) ขอสัญญาว่าจะพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น เคียงคู่กับการขยายตัวของสังคมลาวตลอดไป"
บริษัท พีทีที (ลาว) บริษัทลูกของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (PTTOR) ทำธุรกิจจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและธุรกิจเสริมอื่นๆ ในลาว เช่น ขายส่งน้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ยางมะตอยให้โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงโครงการก่อสร้างต่างๆ ขายปลีกน้ำมันผ่านสถานีบริการ PTT Station และธุรกิจร้านกาแฟ Amazon
ข้อมูลจากเว็บไซต์ PTTOR ระบุว่า PTTOR ถือหุ้นทางอ้อม 100% ในบริษัท พีทีที (ลาว) ผ่านทางบริษัท ปตท.(กัมพูชา) ซึ่ง PTTOR ถือหุ้นโดยตรงอยู่แล้วทั้ง 100%
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2566 ได้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในตลาดค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของลาว เมื่อบริษัท พีทีที (ลาว) ประกาศจำกัดปริมาณการส่งผลิตภัณฑ์น้ำมันที่ขายให้ลูกค้า ตัวแทนจำหน่าย และสถานีบริการน้ำมัน PTT Station โดยมีการเผยแพร่หนังสือแจ้งการเลขที่ 00494/23 ลงวันที่ 21 กันยายน 2565 เรื่อง"สถานการณ์น้ำมัน" ลงนามโดย ธีระ วีระวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปตท.(ลาว) มีเนื้อหาว่า
"เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัท พีทีที (ลาว) และบริษัทที่จำหน่ายน้ำมันอื่นๆ ได้ประสบปัญหาการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อนำไปซื้อผลิตภัณฑ์น้ำมัน จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดภาวะขาดแคลนน้ำมันขึ้นได้
บริษัท พีทีที (ลาว) จึงขอแจ้งมายังลูกค้า ปั๊มตัวแทนทุกท่านทราบว่า ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2566 เป็นต้นไป บริษัท พีทีที (ลาว) จำเป็นต้องจำกัดการสั่งซื้อน้ำมันดีเซล เบนซิน และเบนซินพิเศษ เพื่อเป็นการบริหารน้ำมันให้ลูกค้าทุกสถานีบริการตามความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม บริษัท พีทีที (ลาว) จะพยายามจัดหาและบริหารน้ำมันให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสถานีบริการน้ำมันของลูกค้าทุกท่าน และหวังอย่างยิ่งว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะผ่านไปได้ด้วยดี"
หลังมีข่าวปรากฏออกมา ผู้ใช้น้ำมันจำนวนมากพากันออกไปเติมน้ำมันรถยนต์และจักรยานยนต์ให้เต็มถังเพื่อป้องกันไว้ก่อน เพราะหลายคนกลัวว่าสถานการณ์ขาดแคลนน้ำมันในลาว จนทำให้ปั๊มน้ำมันหลายแห่งต้องหยุดให้บริการชั่วคราวกำลังจะเกิดขึ้นอีก หลังจากเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อกลางปี 2565
ต่อมาเพจ LAO STATE FUEL COMPANY ของรัฐวิสาหกิจน้ำมันเชื้อไฟลาว บริษัทน้ำมันของรัฐบาล ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของสมาคมน้ำมันเชื้อไฟและอายแก๊สลาว มีเนื้อหาว่า "ภายหลังจากบริษัท พีทีที (ลาว) ได้ออกแจ้งการเกี่ยวกับการลดการสั่งซื้อน้ำมัน เพื่อสนองให้ลูกค้าของตน เนื่องจากมีปัญหาในการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และอาจไม่มีน้ำมันบางชนิดจำหน่าย หรือปิดปั๊มเป็นการชั่วคราว ซึ่งทำให้ผู้ใช้น้ำมันจำนวนหนึ่งเข้าใจผิดว่าปั๊มน้ำมันหลายแห่งจะปิด และไม่มีน้ำมันขาย และจะเกิดสภาพน้ำมันขาดแคลนคล้ายกับเมื่อกลางปี 2565
สมาคมน้ำมันเชื้อไฟและอายแก๊สลาว ได้ประสานกับบริษัทน้ำมันทุกบริษัท มีข้อมูลว่า บริษัทผู้นำเข้าน้ำมัน 14 แห่ง ยังคงมีการนำเข้าน้ำมันเป็นปกติ สามารถขายให้ประชาชนได้อย่างเพียงพอ พร้อมกันนั้น ภาครัฐยังคงมีการสนองเงินตราต่างประเทศให้แก่บริษัทผู้นำเข้าน้ำมันเพื่อจัดซื้อน้ำมันเข้ามาขายได้อย่างต่อเนื่อง
จึงขอเรียกร้องให้สังคมจงใช้วิจารณญาณในการติดตาม และกระจายข้อมูลข่าวสารตามความเป็นจริง เพื่อหลีกเลี่ยงความแตกตื่นที่จะนำไปสู่ความสับสนวุ่นวายในสังคม สมาคมน้ำมันเชื้อไฟและอายแก๊สลาว จะสืบต่อประสานงานกับบริษัทผู้นำเข้าน้ำมันภาครัฐ เพื่อรับประกันให้มีน้ำมันเชื้อเพลิงบริการให้สังคมได้อย่างเพียงพอ และประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับน้ำมันตามสภาพความเป็นจริงต่อไป"
สำทับด้วยแถลงการณ์จากเพจของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าลาว ในวันเดียวกัน ซึ่งมีเนื้อหาว่า "กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ขอแจ้งถึงพ่อแม่ประชาชนได้ทราบว่า จากการติดตามสภาพการสนองน้ำมันประจำในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ของกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า และจากรายงานของสมาคมน้ำมันเชื้อไฟและอายแก๊สลาว พบว่าการสนองน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันยังคงมีสภาพปกติ แต่ละวันมีการนำเข้าน้ำมันเบนซินไม่ต่ำกว่าวันละ 800,000 ลิตร และนำเข้าน้ำมันดีเซลไม่ต่ำกว่าวันละ 2,200,000 ลิตร ขณะเดียวกัน ปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ทั่วประเทศก็มีการเปิดให้บริการมากกว่า 80% ของจำนวนปั๊มที่มีอยู่ทั้งหมด นอกจากนี้ รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการรองรับ เพื่อให้การสนองน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตของพ่อแม่ประชาชน หรือสังคมอยู่ในสภาพปกติ"
ในตอนเย็นวันเดียวกัน (21 ก.ย.) บริษัท พีทีที (ลาว) มีหนังสือแจ้งการออกมาอีกฉบับมีรายละเอียดว่า"บริษัท พีทีที (ลาว) ได้ประสานงาน และได้รับการสนับสนุนน้ำมันจากบริษัทผู้นำเข้าและส่งออกน้ำมัน ทำให้บริษัทสามารถจะสนองน้ำมันให้ลูกค้าปั๊ม ตัวแทนจำหน่ายน้ำมันทั่วประเทศได้อย่างเป็นปกติ ทั้งนี้ บริษัทขอขอบคุณบรรดาตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้ให้ความเข้าใจในสถานการณ์ และจงเชื่อมั่นว่าพวกเรายังสามารถจัดหาน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่ลูกค้า ปั๊ม ตัวแทนจำหน่ายได้เป็นปกติ ตามความเรียกร้องต้องการของสังคมอีกด้วย"
หลังเหตุการณ์ปั่นป่วนในตลาดค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงของลาวสงบลงได้เพียงไม่กี่วัน มีกระแสข่าวแพร่ไปทั่วชุมชนออนไลน์ ระบุว่าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของลาวได้จับกุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัท พีทีที (ลาว) 2 คน และส่งตัวกลับประเทศไทยผ่านทางด่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยข่าวลือไปตามชุมชนออนไลน์ว่า บริษัท ปตท.ของไทย จะหยุดส่งน้ำมันเข้าไปขายในลาว รวมถึง บริษัท พีทีที (ลาว) กำลังจะถอนตัวออกจากการลงทุนในลาว จึงเป็นที่มาของแถลงการณ์ฉบับใหม่ ที่บริษัท พีทีที (ลาว) ได้เผยแพร่ออกมาเมื่อวานนี้.