เอเอฟพี - ฮุน มาเนต ผู้นำคนใหม่ของกัมพูชาให้คำมั่นว่าจะทำให้ราชอาณาจักรที่ยากจนแห่งนี้เป็น ‘ประเทศที่มีรายได้สูง’ ภายในปี 2593 ขณะเดียวกัน ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้นำคนใหม่กลับเสนอแผนการที่เป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ทะเยอทะยานนี้เพียงเล็กน้อย
ฝ่ายนิติบัญญัติได้รับรองฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของฮุนเซน เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่เมื่อวันอังคาร ปิดผนึกการส่งต่ออำนาจในวงศ์ตระกูลหลังการเลือกตั้งฝ่ายเดียวเมื่อเดือนก่อน
พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของฮุนเซนชนะที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเว้นเพียง 5 ที่นั่ง จากทั้งหมด 125 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งเดือน ก.ค. ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องหลอกลวง หลังพรรคฝ่ายค้านพรรคหลักถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในการประชุมของคณะรัฐมนตรีครั้งแรกในวันนี้ (24) ฮุน มาเนต ให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจในวงกว้างโดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้กัมพูชาเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2593
“ในอีก 25 ปีข้างหน้า จะเป็นวัฏจักรใหม่สำหรับกัมพูชา” ฮุน มาเนต กล่าวในการปราศรัยทางโทรทัศน์
ธนาคารโลกให้คำนิยามประเทศที่มีรายได้สูงว่าเป็นประเทศที่มีรายได้มวลรวมประชาชาติ (GNI) ต่อหัวที่ 13,846 ดอลลาร์ต่อคนต่อปีขึ้นไป จากข้อมูลของธนาคาร GNI ต่อหัวของกัมพูชาอยู่ที่ 1,700 ดอลลาร์ในปีที่แล้ว
ฮุน มาเนต กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ครอบคลุมถึงการปรับปรุงการดูแลสุขภาพและการศึกษา รวมถึงการจัดการต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ยังวางเป้าหมาย ‘การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากวิกฤตเฉลี่ยประมาณ 7% ต่อปี’ รวมถึงการลดอัตราความยากจน ขณะเดียวกันความมั่นคงทางอาหารก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ตามเป้าหมาย 'ไม่มีพลเมืองกัมพูชาคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลัง'
ฮุน มาเนต แสดงสัญญาณเพียงไม่กี่อย่างที่เขาจะเดินตามเส้นทางเสรีนิยมมากกว่าพ่อของเขา
รัฐบาลชุดใหม่นี้ประกอบด้วยเครือญาติและลูกหลานของพันธมิตรของฮุนเซนในตำแหน่งระดับสูง
ฮุน มานี ลูกชายคนเล็กของฮุนเซนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงข้าราชการพลเรือน เนธ สะเวือน หลานชาย จะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ขณะที่บุตรชายของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทยคนปัจจุบันเข้ารับตำแหน่งแทนบิดาของตน
หลังจากขึ้นสู่อำนาจในปี 2528 ฮุนเซนปรับปรุงประเทศที่เสียหายจากสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ให้ทันสมัย แต่นักวิจารณ์กล่าวว่าการปกครองของเขาเต็มไปด้วยการทำลายสิ่งแวดล้อม ปัญหาการรับสินบนที่ฝังรากลึก และการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองเกือบทั้งหมด.