เอพี - คณะกรรมการการเลือกตั้งของกัมพูชาได้ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ (5) ระบุว่าพรรคการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮุนเซนคว้าชัยอย่างถล่มทลาย และได้ครองอำนาจต่ออีก 5 ปี
ในการประกาศทางสถานีโทรทัศน์ของรัฐ TVK และแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของประเทศกล่าวว่า พรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของฮุนเซน ได้ที่นั่งในรัฐสภา 120 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา
พรรคฟุนซินเปก (Funcinpec) ได้ 5 ที่นั่ง ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ อีก 16 พรรคไม่ได้ที่นั่งเลย
การเปลี่ยนแปลงในพรรคประชาชนกัมพูชาเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้ง ที่ประเทศตะวันตกและองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เสรีและไม่ยุติธรรม ส่วนใหญ่เนื่องจากพรรคแสงเทียน ที่เป็นฝ่ายค้านหลักของประเทศถูกห้ามไม่ให้ลงเลือกตั้ง
พรรคประชาชนกัมพูชาได้คะแนนเสียงไปทั้งสิ้น 6,398,311 คะแนน จากการลงคะแนนทั้งหมด 8.2 ล้านใบ ส่วนพรรคฟุนซินเปกได้ 716,490 คะแนน ซึ่งจากการลงคะแนนเสียงทั้งหมดพบว่าเป็นบัตรดีมากกว่า 7.7 ล้านใบ และบัตรเสีย 440,154 ใบ
ฮุนเซนได้ประกาศเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ว่า เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งสิ้นเดือนนี้ และมอบตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของเขา
ฮุน มาเนต วัย 45 ปี ที่จะเป็นผู้นำประเทศคนใหม่ ได้ที่นั่งในสภาเป็นครั้งแรกในการเลือกตั้งเดือน ก.ค. การส่งมอบอำนาจนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนรุ่น ที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอายุน้อยหลายคนคาดว่าจะเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงลูกชายคนเล็กของฮุนเซน และคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมาชิกพรรคที่อายุมาก
หลายคนได้รับการศึกษาจากตะวันตก เช่นเดียวกับฮุน มาเนต ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนเตรียมทหารเวสต์พอยต์ในสหรัฐฯ ปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ในอังกฤษ ในสาขาเศรษฐศาสตร์ทั้ง 2 แห่ง
ฮุนเซน ที่มีอายุครบ 71 ปี เมื่อวันเสาร์ (5) ยึดกุมอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่นตลอด 38 ปี ที่ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้นำที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดในเอเชีย นอกจากนี้ ยังนำเศรษฐกิจตลาดเสรีมาใช้ในประเทศที่ช่วยยกระดับมาตรฐานการครองชีพของชาวกัมพูชาจำนวนมาก
แม้ว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้ทายาท แต่คาดว่าฮุนเซนจะยังคงมีอำนาจควบคุมในฐานะประธานพรรคและประธานวุฒิสภา
“ผมจะยังสามารถรับใช้ประชาชนและช่วยรัฐบาลดูแลความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของประชาน ตลอดจนทำงานร่วมกับพวกเขาชี้นำการพัฒนาประเทศได้” ฮุนเซนกล่าว
ฮุนเซนเป็นที่รู้จักครั้งแรกในฐานะผู้บัญชาการระดับกลางในระบอบการปกครองของเขมรแดงในทศวรรษ 1970 ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุให้ชาวกัมพูชาราว 1.7 ล้านคน เสียชีวิตจากความอดอยาก ความเจ็บป่วย และการประหาร
เขาแปรพักตร์ไปเข้าร่วมกับเวียดนาม และกลายเป็นสมาชิกอาวุโสของรัฐบาลกัมพูชาชุดใหม่อย่างรวดเร็ว เมื่อฮานอยเข้าขับไล่เขมรแดงออกจากอำนาจในปี 2522 และช่วยยุติสงครามกลางเมืองนาน 3 ทศวรรษ
ภายใต้การปกครองของฮุนเซน กัมพูชาเลื่อนจากประเทศรายได้น้อยไปสู่สถานะรายได้ปานกลางระดับต่ำในปี 2558 และคาดว่าจะปรับสถานะเป็นรายได้ปานกลางภายในปี 2573 ตามการระบุของธนาคารโลก
แม้ว่าโดยรวมแล้วจะมีการพัฒนาปรับปรุง แต่พบว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนของกัมพูชาขยายกว้างขึ้น การตัดไม้ทำลายป่าแพร่กระจายในระดับที่น่าตกใจ และการขยายวงกว้างของการแย่งชิงที่ดินของพันธมิตรภายในประเทศของฮุนเซนและนักลงทุนต่างชาติ
หลังการท้าทายในปี 2556 จากพรรคกู้ชาติกัมพูชา ที่พรรคประชาชนกัมพูชาเอาชนะแทบไม่ได้ในการเลือกตั้ง ฮุนเซนตอบโต้ด้วยการปราบปรามผู้นำฝ่ายค้าน จนนำไปสู่การยุบพรรคในที่สุดโดยศาลของประเทศ
ก่อนการเลือกตั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา รูปแบบของการบดขยี้ฝ่ายค้านก็เกิดซ้ำอีก เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติใช้ข้อเทคนิคในการแบนพรรคแสงเทียน ที่เป็นผู้สืบทอดอย่างไม่เป็นทางการของพรรคกู้ชาติกัมพูชา
สหภาพยุโรปกล่าวว่า การเลือกตั้งดำเนินการในพื้นที่ทางการเมืองและพลเมืองอย่างจำกัด ที่ฝ่ายค้าน ภาคประชาสังคม และสื่อไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยปราศจากอุปสรรค
สหรัฐฯ ระบุว่าจะดำเนินการกำหนดข้อจำกัดด้านวีซ่ากับบุคคลที่บ่อนทำลายประชาธิปไตยและดำเนินการระงับโครงการความช่วยเหลือต่างประเทศชั่วคราว หลังพิจารณาว่าการเลือกตั้งไม่เสรีและไม่ยุติธรรม.