เอเอฟพี - อเมริกาสั่งจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่จีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “การบังคับกลืนกลาย” เด็กทิเบต ซึ่งผู้เชี่ยวชาญยูเอ็นระบุว่า มีเด็กถึง 1 ล้านคนถูกแยกจากครอบครัวและส่งเข้าโรงเรียนประจำ ด้านโฆษกสถานทูตจีนประจำวอชิงตันโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของอเมริกาว่า เป็นการใส่ร้ายซึ่งบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรุนแรง
แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) ว่าอเมริกาจะจำกัดวีซ่าเจ้าหน้าที่จีนที่อยู่เบื้องหลังนโยบายโรงเรียนประจำของรัฐบาลที่ต้องการทำลายภาษา วัฒนธรรม และธรรมเนียมทางศาสนาของทิเบตในกลุ่มเยาวชนทิเบต
บลิงเคนยังเรียกร้องให้จีนยุติการบีบบังคับให้เด็กทิเบตต้องเข้าโรงเรียนประจำของรัฐบาล รวมทั้งยุตินโยบายกลืนกลายด้วยการกดขี่บังคับทั้งในทิเบตและพื้นที่อื่นๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นการกดดันจีนระลอกล่าสุดแม้ทั้งสองประเทศกำลังพยายามฟื้นการเจรจาระดับสูงก็ตาม
ทั้งนี้ นับจากปี 2021 อเมริกากล่าวหาจีนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในมณฑลซินเจียงผ่านค่ายกักกันบังคับใช้แรงงาน ซึ่งปักกิ่งปฏิเสธข้อกล่าวหานี้
โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เสริมว่า มาตรการจำกัดใหม่จะบังคับใช้กับทั้งอดีตเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ปัจจุบันของจีนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในนโยบายการศึกษาในทิเบต แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมโดยอ้างกฎหมายเกี่ยวกับประวัติการออกวีซ่า
เดือนธันวาคมปีที่แล้วอเมริกาแซงก์ชันเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของจีนคือ อู๋ อิงเจี๋ย และจาง ฮองโบ ฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางในทิเบต
ด้านหลิว เผิงหยู่ โฆษกสถานทูตจีนในวอชิงตัน ตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของอเมริกาว่า เป็นการใส่ร้ายซึ่งบ่อนทำลายความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างรุนแรง และสำทับว่า โรงเรียนประจำในจีนจัดตั้งขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักเรียนและเป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากลทั่วไป
เขาแจงว่า โรงเรียนประจำพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนกลายเป็นหนึ่งในโหมดสำคัญในการบริหารโรงเรียนในเขตชนกลุ่มน้อย และระบบบริหารแบบรวมศูนย์สามารถแก้ปัญหาการเดินทางของนักเรียนที่เป็นชนกลุ่มน้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในแถลงการณ์ของบลิงเคนมีการอ้างอิงข้อมูลจากผู้รายงานพิเศษ 3 คนของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า เด็กทิเบตราว 1 ล้านคนถูกบังคับส่งตัวเข้าโรงเรียนประจำ ซึ่งดูเหมือนมีเป้าหมายในการบังคับหลอมรวมคนทิเบตเข้าสู่วัฒนธรรมฮั่นของจีน ด้วยการศึกษาภาคบังคับในภาษาจีนกลาง และไม่มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับวัฒนธรรมทิเบตที่ประชาชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ
รายงานอีกฉบับจากผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นที่เผยแพร่ออกมาในปีนี้ระบุว่า ชาวทิเบตนับแสนถูกบังคับให้ยกเลิกวิถีชีวิตแบบชนบทดั้งเดิมและเข้ารับการอบรมอาชีวศึกษาที่ใช้ทักษะต่ำเพื่อเป็นข้ออ้างในการบ่อนทำลายตัวตนของคนเหล่านั้น
เดอะ อินเตอร์เนชันแนล แคมเปญ ฟอร์ ทิเบต ซึ่งเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวกดดันที่ใกล้ชิดกับทะไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบต ยกย่องการดำเนินการล่าสุดของบลิงเคนเพื่อต่อต้านการแยกเด็กจากครอบครัวอย่างไร้จิตสำนึกของจีน
เทนโช กยัตโซ ประธานเดอะ อินเตอร์เนชันแนล แคมเปญ ฟอร์ ทิเบต กล่าวว่า ทะไล ลามะพูดบ่อยๆ ว่า วัฒนธรรมทิเบตที่อิงกับความสงบและความเอื้ออาทร มีคุณค่าที่สามารถนำเสนอต่อทั่วโลก แต่โครงการโรงเรียนประจำของจีนพุ่งเป้าเด็กที่ยังอ่อนแอและหัวอ่อน โดยต้องการแปลงคนทิเบตเป็นคนจีน กระชับการควบคุมของรัฐบาลจีนต่อทิเบต ตลอดจนทำลายล้างวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของทิเบต
ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา สถานะของทิเบตสลับระหว่างเป็นเอกราชกับถูกจีนควบคุม ขณะที่ปักกิ่งอ้างว่า ได้ปลดปล่อยทิเบตอย่างสันติในปี 1951 และนำโครงสร้างพื้นฐานและการศึกษาเข้าสู่ภูมิภาคที่ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการพัฒนา
ขณะเดียวกัน ทะไล ลามะที่หนีไปอยู่อินเดียในปี 1959 มีผู้เคารพศรัทธาทั่วโลกจากคำสอนเกี่ยวกับจิตวิญญาณ และทำให้ทิเบตเป็นที่รู้จักมากขึ้น