กสม.ส่ง ป.ป.ช.ฟันผิด พนักงานสอบสวนเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทำเหยื่อระทมซึมเศร้า จี้ ตร.ตรวจสอบลงโทษซ้ำ
วันนี้ (17 ส.ค.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า กสม.ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนจากจากมูลนิธิสายเด็ก กรณีผู้เสียหายซึ่งเป็นเยาวชนหญิงอายุ 13 ปี ได้ถูกเยาวชนชายรายหนึ่งล่วงละเมิดทางเพศ เมื่อเดือน ก.พ. 2562 มารดาและผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลร่มเกล้า (ผู้ถูกร้อง) แต่จนถึงวันที่ร้องเรียนตามคำร้องนี้เมื่อเดือน ก.ย. 2565 ยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดี ส่งผลให้ผู้เสียหายมีภาวะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย จึงขอให้ กสม.ตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินคดี ซึ่ง กสม.ได้มีการประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้เสียหายโดยมีหนังสือขอทราบผลการดำเนินคดีไปยังผู้ถูกร้อง 3 ครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ หรือแจ้งผลดำเนินการแต่อย่างใด
กสม.เห็นว่า การที่ผู้ถูกร้องไม่ดำเนินการสอบสวนคดีและไม่ปฏิบัติหน้าที่ในการอำนวยความยุติธรรม ทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยา และไม่ได้รับการคุ้มครองด้วยความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นธรรม แม้ภายหลังจากที่มีการตรวจสอบกรณีตามคำร้องเรียนนี้ ผู้ถูกร้องจะชี้แจงว่าได้ออกเลขคดีอาญา ลงวันที่ 3 พ.ค. 2566 แจ้งสิทธิการขอรับค่าตอบแทนผู้เสียหายในคดีอาญา และออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา พร้อมกับแจ้งว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วแล้วก็ตาม ก็เป็นเพียงการดำเนินการในหน้าที่ที่ผู้ถูกร้องจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว แต่ความล่าช้าที่ผู้ถูกร้องก่อให้เกิดขึ้นย่อมกระทบสิทธิในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมของมารดาผู้เสียหายและผู้เสียหาย จึงเป็นการละเลยต่อหน้าที่อันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดังนั้น จึงเห็นควรส่งรายงานฉบับนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามอำนาจและหน้าที่ต่อไป ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาตรา 6 วรรคหนึ่ง
นอกจากนี้ ที่ประชุม กสม. เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2566 ยังมีข้อเสนอแนะไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้เร่งรัดการสอบสวนคดีอาญาตามคำร้องกรณีนี้ โดยเร่งนำตัวผู้ถูกกล่าวหามาดำเนินคดี และสรุปสำนวนการสอบสวนเสนอพนักงานอัยการตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้แจ้งความคืบหน้าการสอบสวนคดีให้แก่ผู้เสียหายทราบตามกำหนดระยะเวลาในคำสั่ง ตร. ที่ 419/2556 ลงวันที่ 1 ก.ค. 2556 และให้ตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงว่า กรณีความล่าช้าดังกล่าวเป็นการกระทำในอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนผู้ใด และให้ดำเนินการทางวินัยตามกฎหมาย รวมถึงให้ ตร. นำคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหลักสิทธิมนุษยชนที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของสำนักงาน กสม. โดยเฉพาะมาตรฐานสิทธิมนุษยชนสากล และแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไปซักซ้อม ทบทวน และอบรมให้ความรู้เจ้าหน้าที่ในสังกัด เพื่อเป็นการป้องกันการกระทำที่อาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อไปในอนาคต ตลอดจนให้สั่งการสถานีตำรวจทั่วประเทศให้ตรวจสอบและเร่งรัดการดำเนินคดีที่อยู่ในการสืบสวนสอบสวนที่ล่วงเลยระยะเวลามานานแล้ว เพื่อให้ประชาชนได้รับการอำนวยความยุติธรรมตามกฎหมายต่อไป.