รอยเตอร์ - จีนและเวียดนามควรละเว้นจากการกระทำเพียงฝ่ายเดียวเกี่ยวกับทะเลจีนใต้ ที่อาจทำให้สถานการณ์ข้อพิพาทซับซ้อนและขยายวงกว้างขึ้น หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวกับฝ่าม บิ่ง มีง รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ระหว่างเยือนกรุงฮานอย กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในคำแถลงวันนี้ (11)
การเยือนเวียดนามของหวัง อี้ เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางเยือนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นาน 1 สัปดาห์ ที่เกิดขึ้นราว 2 สัปดาห์ หลังจาก กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เยือนภูมิภาคนี้
นายกรัฐมนตรีเวียดนามกล่าวในการประชุมหารือกับเอกอัครราชทูตจีนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนการเยือนของแฮร์ริสว่า เวียดนามไม่เลือกข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง
จีนกล่าวว่า ประเทศมีอธิปไตยทางประวัติศาสตร์เหนือพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลจีนใต้ แต่เพื่อนบ้านของจีนและสหรัฐฯ กล่าวว่าการกล่าวอ้างดังกล่าวไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 (UNCLOS) ที่จีนเป็นผู้ลงนาม
การอ้างสิทธิของปักกิ่ง ทับซ้อนกับเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเวียดนาม รวมทั้งของบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน การค้ามูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ผ่านน่านน้ำแห่งนี้ทุกปี ที่ยังเป็นแหล่งประมงและแหล่งก๊าซธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
หวัง อี้ กล่าวว่า สองประเทศควรปกป้องดูแลสันติภาพและความมั่นคงที่ได้มาอย่างยากลำบากในทะเลจีนใต้ และเฝ้าสอดส่องดูแลเพื่อต่อต้านการแทรกแซงของกองกำลังนอกอาณาเขต คำแถลงของกระทรวงต่างประเทศจีนระบุ
รองนายกรัฐมนตรี ฝ่าม บิ่ง มีง ของเวียดนาม กล่าวในคำแถลงของรัฐบาลว่า เป็นสิ่งสำคัญที่สองประเทศต้องเคารพสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของกันและกันตามกฎหมายระหว่างประเทศและ UNCLOS
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันที่จะยึดมั่นอย่างเคร่งครัดต่อการรับรู้และมุมมองที่เหมือนกันในระดับสูง แก้ไขข้อขัดแย้ง หลีกเลี่ยงการทำให้สถานการณ์ซับซ้อนหรือขยายข้อพิพาท และร่วมกันรักษาความสงบสุขและเสถียรภาพในน่านน้ำพิพาท คำแถลงของรัฐบาลเวียดนามระบุ
ทั้งนี้ เวียดนามยังระบุว่า จีนจะบริจาควัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เวียดนามเพิ่มอีก 3 ล้านโดสในปีนี้ ที่ทำให้ยอดบริจาควัคซีนของจีนแก่เวียดนามรวมเป็น 5.7 ล้านโดส.