xs
xsm
sm
md
lg

นิติเวชพม่าเผยผลชันสูตร “มะแจสิ่น” ถูกยิงด้านหลังจากอาวุธคล้ายปืนปากกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR Online - สื่อทางการเปิดเผยผลผ่าชันสูตรศพ “มะแจสิ่น” พบรอยกระสุนขนาด .38 ด้านหลังใบหูซ้าย บ่งชี้ถูกยิงจากด้านหลังโดยอาวุธสั้นลักษณะคล้ายปืนปากกา

วานนี้ (7 มี.ค.) The Global New Light of Myanmar สื่อของทางการพม่า เปิดเผยผลชันสูตรศพของ “มะแจสิ่น” ซึ่งเจ้าหน้าที่นิติเวชได้ผ่าพิสูจน์ ณ ฮวงซุ้ยที่ฝังศพของเธอในสุสาน “เอเยะเงม” ซึ่งเป็นสุสานของของชาวจีนยูนนาน ในกรุงมัณฑะเลย์ เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา (คลิกอ่านข่าว >> ขุดศพสาวพม่าวัย 19 ผ่าหาที่มากระสุน ปมเสียชีวิตขณะประท้วงในมัณฑะเลย์)

จากการผ่าชันสูตร เจ้าหน้าที่พบรอยแผลที่ด้านหลังใบหูข้างซ้ายบนศีรษะของมะแจสิ่น ซึ่งขัดแย้งกับลักษณะของเหตุการณ์ที่เป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วง ในบาดแผลได้พบชิ้นส่วนตะกั่วยาว 1.2 เซนติเมตร กว้าง 0.7 เซนติเมตร ซึ่งเป็นลักษณะของกระสุนขนาด .38 ที่ใช้สำหรับปืนสั้น ไม่ใช่ลักษณะเดียวกับอาวุธที่ตำรวจหน่วยปราบจลาจลใช้

ภาพกระสุนและปืนปากกาที่สื่อทางการพม่านำเสนอพร้อมกับข่าวผลชันสูตรศพมะแจสิ่น
ทั้งนี้ ในข่าว The Global New Light of Myanmar ได้ลงภาพกระบอกโลหะลักษณะคล้ายปืนปากกา และเขียนบรรยายว่าปืนชนิดนี้สามารถใช้กับกระสุนขนาด .38 ได้ (ดูภาพประกอบ)

ตอนท้ายของเนื้อข่าวเขียนว่า จากผลการชันสูตร แสดงให้เห็นว่ามีผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดความสงบขึ้นในประเทศ พยายามให้ความขัดแย้งที่ดำเนินการอยู่บานปลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีต่อไป

มะแจสิ่น วัย 19 ปี เป็นหญิงพม่าเชื้อสายจีนยูนนาน มีชื่อจีนว่า เติ้ง เจียซี ได้ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหัวมุมถนนหมายเลข 84 ตัดกับหมายเลข 30 ในกรุงมัณฑะเลย์ เมื่อเช้าวันที่ 3 มีนาคม ขณะร่วมประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร ที่ศพของเธอพบรอยกระสุนถูกยิงที่ศีรษะ และกลุ่มประท้วงได้นำการเสียชีวิตของเธอมาโจมตีกองทัพและตำรวจพม่าว่า ปฏิบัติการอย่างโหดเหี้ยมต่อผู้ชุมนุม โดยการใช้สไนเปอร์มาซุ่มยิงผู้ประท้วงจนเสียชีวิต

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พยายามชันสูตรพลิกศพด้วยกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ญาติของมะแจสิ่น รีบฝังศพเธอเสียก่อนในวันรุ่งขึ้น (4 มี.ค.) ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องไปขออนุญาตจากศาลให้ขุดศพของมะแจสิ่นขึ้นมาผ่าชันสูตร และศาลก็อนุญาตให้ทำได้เมื่อเย็นวันที่ 5 มีนาคม โดยเจ้าหน้าที่นิติเวช ร่วมกับตำรวจ และทหาร ได้ไปขุดศพของเธอขึ้นมาผ่าชันสูตรที่สุสาน “เอเยะเงม” โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้นำร่างของเธอฝังกลับคืนลงไปในหลุม

วันเดียวกัน The Irrawaddy ได้นำข่าวผลการชันสูตรศพมะแจสิ่น ไปเสนอต่อ และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจากคลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่ทางสังคมออนไลน์ เห็นว่ามะแจสิ่น กำลังหันหลังวิ่งไปทางผู้ถ่ายคลิปก่อนจะถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งเป็นการหันหลังให้แก่แนวตำรวจ เป็นเหตุผลให้พบว่าเธอมีรอยกระสุนที่ด้านหลังของศีรษะ


กำลังโหลดความคิดเห็น