รอยเตอร์ - อินเดียจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พม่าเพื่อต่อสู้กับการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กระทรวงการต่างประเทศของแดนภารตะเผย ท่ามกลางการกดดันจากนานาประเทศต่อผู้นำทหารพม่าหลังก่อรัฐประหาร
เมื่อเดือนก่อน นิวเดลีได้จัดส่งวัคซีนโควิด-19 จำนวน 1.5 ล้านโดสให้แก่พม่าที่เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามทางการทูตอย่างกว้างขวางที่จะกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ก่อนทหารเข้าโค่นล้มและควบคุมตัวอองซานซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดียกล่าวกับนักข่าวว่า อินเดียกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะไม่ระงับความช่วยเหลือ
“เรายังคงมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ประชาชนในพม่าต่อไป เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสุขภาพและเศรษฐกิจอันเนื่องจากการระบาด” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
อินเดีย ผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้มอบวัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตจากสถานบันเซรุ่มอินเดียให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านเช่น บังกลาเทศ เนปาล ศรีลังกา และภูฏาน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายภายใต้โครงการ ‘วัคซีนไมตรี’ โครงการที่นักการทูตระบุว่า นอกจากเพื่อกระชับสัมพันธ์แล้ว ยังมีจุดมุ่งหมายที่จะต้านจีนที่กำลังขยายอิทธิพลในภูมิภาคนี้
ทั้งนี้ อินเดียได้ช่วยเหลือพม่าด้วยการจัดหาชุดทดสอบและยาตั้งแต่ช่วงต้นของการระบาด และจากนั้นเป็นการให้ความช่วยเหลือด้วยวัคซีน
สำหรับการจัดส่งวัคซีนล็อตที่ 2 จำนวน 1.5 ล้านโดสให้แก่พม่านั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด
ทั้งนี้ สหประชาชาติและชาติมหาอำนาจตะวันตกได้ประณามการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (1) และเรียกร้องให้มีการกดดันจากนานาประเทศมากขึ้นเพื่อให้แน่ใจว่าเจตจำนงของประชาชนได้รับความเคารพ และวอชิงตันระบุว่า จะทบทวนมาตรการคว่ำบาตร
ด้านอินเดียแม้จะแสดงความวิตกกังวลต่อการรัฐประหารที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ได้เรียกร้องมาตรการใดๆ ต่อผู้ปกครองทหาร ซึ่งนักการทูตกล่าวว่า นิวเดลีระมัดระวังเรื่องการตัดความสัมพันธ์ ด้วยกลัวว่าจะเป็นการผลักดันให้เพื่อนบ้านใกล้ชิดกับจีนมากยิ่งขึ้น.